ทุกวันนี้การขับรถบนท้องถนน เป็นเรื่องที่เราต้องใช้ความระมัดระวังรอบด้านเลยนะคะ ทั้งการขับรถให้ถูกหลักจราจร และยังต้องระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เฉี่ยวชนกับรถคันอื่นอีกด้วย ดังนั้นการขับรถจึงต้องมีสติอยู่เสมอนะคะ บทความนี้จะมานำเสนอข้อมูลดีๆมี ประโยชน์ ที่เกี่ยวกับ อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ก็ได้นั่นก็คือ “คันเร่งค้าง” ซึ่งหากเราไม่ทันได้ระวังและตกใจเกินไปแล้วนั้น หลายคนอาจรีบดับเครื่องทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากทีเดียวเลยนะคะ เพราะฉะนั้นเรามาดูกันค่ะว่า ควรแก้ปัญหาอย่างไร เมื่อเกิดอาการคันเร่งค้างขึ้นมา ก่อนอื่นเลยเรามาดูสาเหตุที่ทำให้เกิดคันเร่งค้างกันก่อนเลยนะคะ
สาเหตุที่ทำให้เกิดคันเร่งค้าง
- สายคันเร่งเก่า ฝืด ขัด ก็จะเป็นกับรถรุ่นเก่าหน่อยนะคะ ที่ใช้คันเร่งแบบ “สายเคเบิล” ดึง พอเก่าๆ ไปก็จะเกิดการ ฝืด รู้สึกขัดๆ อันนี้ “เปลี่ยนของใหม่โดยด่วน” เพราะนอกจากจะทำให้ “หนักเท้า” ขับยาก และอันตรายค่ะ เพราะถ้ากดเบารถก็เร่งไม่ไป พอกดแรงรถก็จะออกตัวพรวดพราดเลยค่ะ และเสี่ยงกับคันเร่งค้างได้ง่ายมากอีกด้วยค่ะ
- ใส่พรมหรือผ้ายางปูพื้นที่หนาเกินไป บางคันใส่หนามากๆ ก็ไม่รู้ทำไม พอหนาเกินไปแล้วเหยียบคันเร่งจม ตอนยกขึ้นมาก็จะติดแป้นคันเร่งค่ะ หรือบางที “วางตำแหน่งไม่เข้าที่” มันก็จะไปเกยๆ ย่นๆ เป็นเรื่องได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ควรใช้ของที่มีความหนาเท่ากับของเดิม และ จัดตำแหน่งให้ถูกต้องนะคะ รถสมัยใหม่ก็จะมี “หมุดยึด” ตัวผ้ายางปูพื้นเพื่อกันมันเลื่อน เราต้องใส่ให้ถูกต้องด้วยนะคะ
- วางของเกะกะพื้น เยอะแยะเลย รองเท้า ขวดหรือกระป๋องน้ำ กินไม่ทิ้งไม่พอ ดันเอาไปวางไว้ที่พื้นคนขับ พอมันกลิ้งไปกลิ้งมา ก็ไปขัดกับคันเร่ง หรือไม่ก็ “ขัดใต้แป้นเบรก” ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุมาเยอะแยะ ต้องจำไว้เลยนะคะ ว่า ตรงพื้นวางเท้าคนขับ ห้ามวางสิ่งของใดๆทั้งสิ้น หรือแม้แต่พื้นด้านหลังคนขับก็ห้ามด้วยนะคะ เพราะมีโอกาสที่มันจะกลิ้งแล้วลอดใต้เบาะมาด้านหน้าได้เช่นกันค่ะ
- ระบบไฟฟ้าของระบบคันเร่งเกิดทำงานผิดปกติ ทำให้รถเร่งเครื่องเอง แม้ว่าเราจะไม่ได้เหยียบก็ตาม
- อาการคันเร่งหนืด เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคันเร่งของเราค้าง เมื่อเราเหยียบคันเร่งแล้วรู้สึกได้ว่าคันเร่ง จมลงไปกับพื้นแบบไม่ยอมคืนตัวกลับมา หรือ คนขับจะรู้สึกได้ว่า คันเร่งลื่นหรือเบาผิดปกติ ทั้งสองอาการนี้คือสัญญาณของ คันเร่งค้างค่ะ
- ใส่รองเท้าส้นสูงขับรถ แล้วส้นรองเท้าไปขัดกับคันเร่ง
6 สิ่งควรทำเพื่อเอาตัวรอดเมื่อ “คันเร่งค้าง”
- ตั้งสติ อย่าตื่นตกใจเกินไป
- ห้ามดับเครื่อง หรือถอดกุญแจรถโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้พวงมาลัยรถล็อค จนไม่สามารถบังคับทิศทางรถได้
- ห้ามดึงเบรคมือเด็ดขาด เพราะรถจะหมุนและเสียการควบคุม
- ให้เราเปลี่ยนเกียร์ไปที่เกียร์ว่าง แล้วค่อยๆประคองรถเข้าข้างทางช้าๆ ในขณะที่เราเปลี่ยนเกียร์ไปที่ตัว N อาจมีเสียงรอบเครื่องดังขึ้น ไม่ต้องตกใจให้ค่อยๆประคองรถต่อไป ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาให้เหยียบครัทช์ก่อนแล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่าง
- เมื่อเข้าเกียร์ N เพื่อชะลอความเร็วรถได้แล้ว ให้ค่อยๆเหยียบเบรก ซึ่งก่อนจะเบรกให้สังเกตรถด้านหลังให้ดี รวมทั้งผู้โดยสารที่นั่งมาด้วย ไม่ควรเบรกรถอย่างกระทันหันเพราะอาจทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ จากนั้นค่อยๆประคองรถเข้าข้างทางอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวัง
- หากเกิดเหตุขึ้นในขณะรถกำลังวิ่งอยู่บนถนนที่จอแจ ให้เปิดไฟขอทางเพื่อแสดงให้รถคันหลังรู้ว่ารถของเรากำลังมีปัญหาขึ้น แล้วค่อยๆประคองรถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัย
เรื่อง คันเร่งค้างนั้น อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่เลือกว่าจะเป็นรถเก่าหรือใหม่ จะแพงหรือถูก นะคะ มันก็เกิดจากสาเหตุที่เราอาจจะไม่คาดคิดขึ้นมาก่อนได้ และถ้าเราตกใจจน “สติแตก” ก็จะยิ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตได้นะคะ ดังนั้นเราควรจะ “กันไว้ดีกว่าแก้” ค่ะ ด้วยการคอยหมั่นสังเกตว่ามีอะไรที่จะไปขัดกับคันเร่งหรือเบรกไหม พยายามเคลียร์และตรวจเช็คบริเวณผู้ขับให้โล่ง ไม่ให้มีวัตถุใดๆ ไปขัดกับคันเร่งได้อยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันนะคะ แล้วคุณจะขับขี่รถด้วยความปลอดภัยค่ะ