แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Hanako5

หน้า: 1 ... 641 642 [643] 644 645 ... 647
9631


Apcalis (แอพคาลิส) ราคาที่คุ้มค่ากว่า เพราะใช้แค่เม็ดเดียว ก็ออกฤทธิ์นาน 36 ชั่วโมง ให้เราพร้อมทุกเมื่อ สั่งได้ตามต้องการ ต่างจาก Sidegra (ซิเดกร้า) หรือ Kamagra (คามากร้า) หรือ ยาตัวอื่นๆ ที่ฤทธิ์ยาสั้นกว่ามาก

Apcalis-sx20 ผลิตโดยบริษัท Ajanta Pharma Limited ประเทศอินเดีย ผู้ผลิตอันดับต้นๆ ของโลก ผลิตและจัดจำหน่ายยามากมายหลายประเภท และยาที่รักษาการเสื่อมสมถภาพทางเพศก็เป็นหนึ่งในโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อส่งมอบให้กับผู้ที่เป็นโรค เสื่อมสมถภาพทางเพศได้นำไปรักษาโรคนี้ จะได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

จากความตั้งใจและพัฒนาถึงได้เกิด Apcalis-SX20 ซึ่งเป็นยารักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศโดยตรงโดยใช้ตัวยาTadalafil ในปริมาณ 20 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่พอเหมาะในการรับประทานในแต่ล่ะวัน ตัวยาTadalafil แต่เดิมใช้สำหรับรักษาอาการต๋อมลูกหมากโต แต่ดันให้ผลข้างเคียงคืออวัยวะเพศของผู้รักษานั้นแข็งตัวขึ้นกว่าปกติ และสามารถออกฤทธิ์ได้นานถึง 36 ชั่วโมง (สองวัน) อีกทั้งยังกล่าวได้กว่าเป็นยาที่ดีกว่าไวอากร้าก็ย่อมได้

การออกฤทธิ์ Tadalafil เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปเพิ่มสารไนเตรในสมอง ซึ่งสารไนเตรตนั้นเป็นสารที่ธรรมชาติสามารถสร้างขึ้นเองได้ในร่างกายมนุษณ์ ซึ่งจะน้อยลงตามอายุ ช่วงวัย หากสารไนเตรตนั้นน้อยลงจะส่งผลต่ออารมณ์ทางเพศที่น้อยลง การแข็งตัวของอวัยวะเพศที่น้อยลง การรับรู้และความสุขในการร่วมเพศก็จะน้อยลง

วิธีการรับประทาน Apcalis-SX20

รับประทาน 1 เม็ด ก่อนหรือหลังอาหาร ก็ได้ เพราะ ด้วยขึ้นดีของตัวยา Taadalafil ที่สามารถดูดซึ่มเข้าสู่ร่างกายได้อย่างอิสระ สารอาหารที่คงค้างในกระเพาะจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการดูดซึมยาของร่างกาย

ด้วยระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยานั้นนานถึง 36 ชั่วโมง (สองวัน) แนะนำควรรับประทาน 2 วันต่อ 1 ครั้ง (หากจะรับประทาน 1 วันต่อ 1 เม็ดสามารถทำได้ แต่ 1 วันต้องไม่เกิน 1 เม็ด)

หากรับประทานเกิด จะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายคือ อาการมึนหัว อาเจียน ปวดศีระ หากอาการรุนแรงไม่ลดลง ควรรีบไปพบแพษทย์

อาการข้างเคียงของ Apclis-SX20

อาการข้างเคียงจะไม่เหมือนกับกลุ่มยาไวอากร้า อาจกล่าวได้ว่าแทบไม่พบอาการ มึนหัว ปวดศีระ อาเจียน ตาฟ้า หัวใจเต้นแรง หากพบอาการหล่าวนี้ ท่านอาจแพ้ยา Tadalafil ให้รีบไปพบแพทย์

โปรดระวังผลข้างเคียง อวัยวะเพศที่แข็งตัวต่อเนื่องนานเกิน 4 ชั่วโมง อาจจะให้รู้สึกเจ็บปวด บีบรัด และอาจทำให้ไม่สบายตัว

Tadalafil เป็นยาที่ถูกคิดค้นและพัฒนาหลังยาไวอากร้า ซึ่งเป็นสูตรใหม่และดีกว่า แต่ราคานั้นอาจสูงกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบการออกฤทธิ์ของยาแล้ว (สองวัน) จึงคุ้มค่ามากกว่า ไวอากร้าที่ออกฤทธิ์นานแค่ 4 ชั่วโมง

Ajanta Pharma Limited ได้จัดจำหน่ายในราคาที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ทางร้านหมอเค้กจึงเห็นถึงคุณภาพในราคาที่ไม่สูงมากนัก จึงอยากจะนำเสนอตัวยาที่รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่ดี มีคุณภาพ อีกตัวหนึ่ง ไว้เป็นทางเลือกสำหรับคุณลูกค้าทุกท่าน เรารับประกันสินค้าส่งตรงจาก Ajanta Pharma Limited แท้ 100% (แค่เฉพาะร้านหมอเค้กเท่านั้นน่ะ)

คุณสมบัติ

Apcalis เป็นยาที่จะช่วยกระตุ้นการขยายหลอดเลือด ทำให้ช่วยเรื่องการแข็งตัว ยา Apcalis 1 เม็ด จะให้ผลราว 24 – 36 ชม ให้ผลยาวนานกว่าตัวอื่น และมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาตัวอื่น (สามารถทานล่วงหน้าไว้ก่อนนานๆ ได้ ทำให้สะดวก และหยืดหยุ่นกว่า ในการก่ะเวลา)

วิธีทานยา ให้มีผลดีที่สุด

ควรทานในขณะท้องว่าง หรือหลังอาหารประมาณ 1 – 2 ชม จะใช้เวลาออกฤทธิ์ 1 – 1.30 ชม / กรณีทานหลังอาหารเลย ให้ทานก่อนกิจกรรมประมาณ 2 ชม

ผลข้างเคียง

สำหรับคนที่ร่างกายปกติ ที่เกิดจากทานยา Apcalis ก็มี ปวดหัว หน้าแดง ตาพร่า ใจเต้นแรง แล้วก็ตาแพ้แสง ผลข้างเคียงนี้ไม่ได้เกิดกับทุกคนนะครับ บางคนก็ไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ แล้วแต่ว่าร่างกาย ว่าคนไหนเหมาะกับยาตัวไหน ใน 1 วัน ห้ามทานยาเกิน 1 เม็ด ครับ หากทานมากเกินกว่าในฉลากยา อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ครับ

คำเตือน / ข้อควรระวัง

1.ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็ก และไม่มีข้อบ่งใช้ในเพศหญิง (ผู้หญิงใช้ ไม่มีผลอะไร)

2. ห้ามให้ยานี้ ร่วมกับ nitric oxide doners หรือยาไนเตรทรูปแบบอื่น ๆ (ยาโรคหัวใจ และความดัน)

3. ไม่เแนะนำ ผู้ป่วยบางประเภท เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ โรคตับ หรือไตรุนแรง ความดัน เป็นต้น

4 ห้ามใช้ยา Apaclis นี้เกินวันละ 20 mg หรือ วันละ 1 เม็ด หากต้องการกินเม็ดต่อไป ให้เว้นอย่างน้อย 24 ชม

5. ห้ามทานยาร่วมกับแอลกอฮอล์ เพราะจะไปเสริมฤทธิ์กัน อาจจะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

6. หากผู้ทานมีโรคประจำตัว หรือ ต้องใช้ตัวยาบางตัวเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ที่เป็นเจ้าของคนไข้ เนื่องจากยาบางตัวใช้ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

Tags :: Apcalis,Apcalis ราคา,Apcalis ราคา [pr]ถูก

9632


นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของจังหวัดหนองคายระลอกเดือนเมษายนมีผู้ป่วยสะสม 2,718 ราย รักษาหายกลับบ้านได้ 2,084 ราย, เสียชีวิตสะสม 23 ราย, อยู่ระหว่างการรักษา 611 ราย, กระจายอยู่ในโรงพยาบาล 255 ราย, โรงพยาบาลสนาม 301 ราย, โรงพยาบาลสนามอำเภอ 37 ราย และอยู่ที่ศูนย์พักคอย 18 ราย มีการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง

คาดว่าในเดือนกันยายนนี้จะทำการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 2 ได้ประมาณ 70,000 ราย จะทำให้จำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น

โดยสิ้นสุดเดือนกันยายนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หรืออยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ซึ่งทางจังหวัดพยายามฉีดวัคซีนให้ได้มากถึงร้อยละ 70 เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการเจรจากับทางการ สปป.ลาว ในการเปิดด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 [pr] เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศรวมถึงประเทศอื่นได้ใช้เส้นทางผ่านด่านเข้าออกประเทศ

โดยเฉพาะการเตรียมรองรับการเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นวันชาติของ สปป.ลาว หากเป็นไปได้ก็จะสามารถเปิดด่านให้ประชาชนเดินทางระหว่างประเทศได้ และที่สำคัญมีการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันความรุนแรงของโรคโควิดได้ด้วย

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จังหวัดหนองคายกำลังพิจารณาจัดทำโครงการแซนด์บ็อกซ์ เปิดแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ในเฟสแรกเลือกพื้นที่โซนเหนือของจังหวัดจากอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอสังคม รอยต่อกับอำเภอปากชม จังหวัดเลย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19 สถานการณ์คลี่คลายและดีขึ้น

“ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนของจังหวัดหนองคาย ก่อนจะนำเสนอส่วนกลาง หากดำเนินการเป็นไปได้ดีก็จะเปิดเฟสสองโซนใต้ของจังหวัดที่มีรอยต่อกับจังหวัดบึงกาฬต่อไป” นายประเสริฐกล่าว

9633


นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภายหลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดรับฟังความเห็นหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการระดมทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และตลาดรองสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Board) รวมถึงการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าจดทะเบียนใน SME Board เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตลท.จะเสนอให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบต่อไป

สำหรับตลาดรองที่จะเปิดให้ SME ระดมทุนจะใช้ชื่อว่า “LiVE Lottovip [pr] Exchange” โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ก.ย.นี้เพื่อให้ธุรกิจและนักลงทุนที่สนใจได้สอบถามรายละเอียดการระดมทุน ขณะที่ปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจที่มีความพร้อมจะเข้ามาระมทุนแล้วประมาณ 30 บริษัท ซึ่งเป็นกลุ่ม SME ที่เข้าร่วมหลักสูตรกับ“Scaling Up Platform” ซึ่งเป็นความร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรที่ต้องการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุน


โดยตลท.ตั้งเป้าหมายให้ธุรกิจ SME เข้ามาระดมทุนได้จริงบนกระดานดังกล่าวอย่างเร็วภายในปี 2564 และอย่างช้าในต้นปี 2565 ซึ่งธุรกิจที่เข้าระดมทุนก่อนสิ้นปี 2566 จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ ไปอีก 3 ปีภายหลังเข้าระดมทุน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ออกมามีผลบังคับใช้ก่อน จึงจะเปิดให้ธุรกิจเข้ามายื่นแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง)

อย่างไรก็ดี ระยะเวลาในการพิจารณาแบบไฟลิ่งจะสั้นกว่าธุรกิจที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai เนื่องจากเอกสารมีความซับซ้อนน้อยกว่า แต่จะเปิดให้นักลงทุนที่สนใจสอบถามรายละเอียดกับบริษัทอีกราว 1 เดือนก่อนเข้าระดมทุน ทั้งนี้ นักลงทุนใน SME Board จะต้องเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีขนาดสินทรัพย์ที่สูง โดยไม่เปิดให้นักลงทุนรายย่อยทั่วไปเข้ามาลงทุน


ขณะที่การซื้อขายเปลี่ยนมือจะไม่เปิดให้ซื้อขายต่อเนื่อง (Continuous Trading) แบบ SET และ mai โดยเบื้องต้นจะเปิดให้ซื้อขายวันละ 1 รอบเท่านั้น ส่วนนักลงทุนที่ขายหุ้นต้องมีหุ้นจริงอยู่ในมือแล้วเท่านั้น เช่นเดียวกับนักลงทุนที่จะซื้อหุ้นต้องใช้เงินสดในการซื้อเท่านั้น

9634


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมอบโล่รางวัลให้กับสมาคมการค้าดีเด่นประจำปี 2564  พร้อมกล่าวกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ นโยบายการส่งเสริมการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ และการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดราคาต่ำ [pr] เพื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ ว่า   โควิดยังจะต้องอยู่กับประเทศไทยและกับโลกอีกนาน สิ่งที่เราต้องคิดและต้องทำคือ เราจะนำเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิดไปสู่ความสำเร็จร่วมกันได้อย่างไร ตนยังยืนยันเน้นย้ำการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน เราจะต้องยึดหลักรัฐหนุนเอกชน

 “เอกชนคือทัพหน้าในการทำรายได้เข้าประเทศ ถ้าเป็นทีมฟุต.เอกชนต้องเป็นกองหน้า เพราะต้องทำหน้าที่ยิงประตูทำคะแนนม รัฐบาลเป็นแบ็คสนับสนุนการทำหน้าที่ของภาคเอกชน ต้องจับมือร่วมกันอย่างเข้มแข็งแน่นแฟ้น จึงเป็นที่มาของหลักคิดการตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์ สามารถทำตัวเลขให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดคือการส่งออก แต่ถ้าขาดความร่วมมือร่วมใจระหว่างรัฐกระทรวงพาณิชย์กับเอกชน อุปสรรคต่างๆจะไม่คลี่คลาย การจับมือร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เข้มข้น และถึงลูกถึงคนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องเดินหน้าร่วมกันต่อไป”


ในด้านการขับเคลื่อนทางการค้า ทีมเซลล์แมนจังหวัดกับทีมเซลล์แมนประเทศจะต้องร่วมมือกันทำงานให้เข้มแข็งและปรากฏเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งทีมเซลล์แมนจังหวัดมีความสำคัญและทรงพลังอย่างยิ่ง โดย 77 ทีมหรือ  77 จังหวัด เพราะเป็นผู้แก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด หาช่องทางจำหน่าย รวมมือกับทุกจังหวัดค้าขายระหว่างกัน เช่น พืชผลเกษตรราคาตก ทีมเซลล์แมนจังหวัด ขวนขวายและไปถึงขั้นข้ามจังหวัดค้าขายระหว่างกันตามนโยบาย มังคุดใต้ล้นอีสานช่วยซื้อ ลำไยเหนือราคาตกจับมือกับทีมเซลล์แมนจังหวัดภาคใต้ ภาคตะวันออกช่วยกันแก้ปัญหา ขณะที่ทีมเซลล์แมนประเทศ ทูตพาณิชย์ 58 แห่ง เป็นหัวเรือใหญ่จับมือร่วมกับนักธุรกิจที่ไปลงทุนในต่างประเทศทำการค้าส่งออกจับมือกันเป็นทีม

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  ด้านภาคเอกชนไทยจะต้องเร่งปรับตัวให้ทันสถานการณ์โลก เตรียมการรองรับมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะเข้มข้นหนักข้อขึ้นเป็นลำดับ เพราะภายหลังประเทศพัฒนาแล้วใช้มาตรการทางภาษีกีดกันสินค้าจากประเทศกำลังพัฒนาประสบความสำเร็จหลังจากการรวมตัวกันในระบบพหุภาคีหรือในระบบทวิภาคีในรูป FTA หรือ WTO ทำให้กำแพงภาษีทลายลงภาษีเป็นศูนย์ มาตรการทางภาษีจึงลดความสำคัญลง มาตรการใหม่จึงเกิดขึ้นคือมาตรการที่มิใช่ภาษีมาเป็นกำแพงกั้นสินค้าที่ไปจากประเทศคู่แข่งหรือประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการสิ่งแวดล้อม มาตรการแรงงาน มาตรการสิทธิมนุษยชน สุขอนามัย ล่าสุดภาษีคาร์บอน เพื่อเป้าหมายกีดกันทางการค้าหรือปกป้องการค้าของประเทศ โดยอียูเริ่มแล้วในอีก 2 ปี จะคิดภาษีคาร์บอน 5 สินค้า 1.เหล็ก 2.อะลูมิเนียม 3.ซีเมนต์ 4.ไฟฟ้า 5.ปุ๋ย ขอให้เอกชนทั้งหลายเตรียมความพร้อมไว้


ขณะเดียวกันยังพบว่า มีการนำเอาปัจจัยเศรษฐกิจมาผูกมัดติดกับปัจจัยทางการเมืองและกลายเป็นปัจจัยปกป้องกีดกันทางการค้า ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เราจะอยู่ตรงไหนคือสิ่งที่เราต้องคิด ทุกคนตอบตรงกันว่าเราต้องผนึกกำลังกับอาเซียน จับมือกับอีก 9 ประเทศ จับมือ ระหว่างอาเซียนด้วยกัน ซึ่งเราก็ต้องแข่งกันแต่ความสมดุลอยู่ตรงไหน รัฐต้องคิด เอกชนก็ต้องคิด จับมือให้เข้มข้นเข้มแข็งแข่งกันระหว่างบริษัทแต่ระหว่างกลุ่มประเทศต้องจับมือกัน เราต้องขายบริการด้วย บริการที่มีศักยภาพเช่น ดิจิตอลคอนเทนท์ ประเทศไทยไม่แพ้ใครแต่ขอให้เราส่งเสริม เด็กรุ่นใหม่ไทยเก่งเยอะ อนิเมชั่น ภาพยนตร์ เราต้องช่วยกันหนุน เอกชนต้องกล้าทำกล้านำ รัฐเป็นแบ็ค กระทรวงพาณิชย์ เข้าไปช่วยคิดช่วยทำ ต้องไม่เน้นการแข่งขันเรื่องราคาอย่างเดียวต้องเน้นคุณภาพ

นอกจากนี้ภาคเอกชนต้องเร่งศึกษาหาประโยชน์จาก FTA  และการทำสัญญาการค้าระบบพหุภาคี โดยเฉพาะ RCEP กำลังจะมีผลบังคับใช้ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนให้สัตยาบันประเทศไทย มีกำหนดการชัดเจนแล้วว่าจะให้สัตยาบันไม่ช้ากว่าเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หวังว่าจะบังคับใช้ได้ต้นปีหน้า เราต้องรีบศึกษาข้อตกลงว่ามีอะไรบ้างจะเป็นอุปสรรคกับธุรกิจของเรา จะได้เปรียบเรื่องอะไรบ้างโดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซจะแทรกในทุกข้อตกลง สิ่งที่อยากเรียนความคืบหน้าที่เอกชนเรียกร้องมานาน กองทุนFTAต้องตั้งขึ้นเพื่อเยียวยา เพราะบางคนได้บางคนเสีย เพื่อช่วยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในประเทศ โดยขณะนี้ตนได้ลงนามถึงกระทรวงการคลังเรื่องการจัดตั้งกองทุนหลังจากผ่านแล้วจะเข้า ครม.ในเร็วๆนี้

9635


FETCO มองเป้า SET ปี 65 แตะ 1,800 จุด คาด GDP โต 4% นักท่องเที่ยว-กำลังซื้อในประเทศกลับมา ส่วนดัชนีช่วงที่เหลือของปีนี้มองอยู่ที่บริเวณ 1,650 จุด ขณะโบรกฯ พาเหรดขยับเป้าดัชนีหุ้นไทยเพิ่ม หลังต่างชาติกลับเข้าตลาดทุน อีกทั้งรัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงบวกเฟดประกาศแนวโน้มการลดลงวงเงิน QE ก่อนสิ้นปี ให้กรอบดัชนี 1,600-1,650 จุด ให้เก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ และกลุ่ม Global , Reopening Lottovip [pr] Play รวมทั้ง Domestic Play

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์สำนักต่างๆ คงเตรียมประเมินทิศทางตลาดหุ้นกันใหม่ เพราะก่อนหน้ามองว่า ดัชนีหุ้นจะไม่สามารถตีฝ่าแนวต้าน 1,600 จุดได้ แต่หุ้นทะลุ 1,600 จุดขึ้นมาแล้ว และยังเดินหน้า โดยมีแนวโน้มสร้างจุดสูงใหม่ต่อไป เพราะเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปี โบรกเกอร์คาดหมายว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด แต่วันนี้ชนเป้าหมายปลายปีแล้ว เพราะแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติ สมทบด้วยกองทุนในประเทศ ซึ่งกลับมาไล่ช้อนซื้อหุ้น อีกทั้งการจัดงานไทยแลนด์โฟกัสของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นจุดที่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาลุยตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

ขณะที่มีปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 20,000 คนติดต่อกัน นอกจากนั้น รัฐบาลยังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้หลายธุรกิจเปิดให้บริการได้

หุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการผ่อนคลายปรับตัวขึ้นอย่างคึกคัก ส่วนหุ้นขนาดใหญ่มีแรงซื้อจากต่างชาติและกองทุนเข้ามาหนุน ทำให้ราคาเดินหน้าต่อ และขับเคลื่อนดัชนี ฯ ผ่านพ้น 1,600 จุดอย่างง่ายดาย ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นเปลี่ยนเป็นขาขึ้นแล้วหรือไม่ อาจเร็วเกินไปที่จะตอบ เพราะสถานการณ์โควิดยังไม่นิ่ง วัคซีนล็อตใหญ่ยังไม่มา และไม่มั่นใจว่า หลังเปิดฉากงานไทยแลนด์โฟกัสแล้ว ต่างชาติยังจะซื้อต่อหรือไม่ เพราะหากต่างชาติหยุดซื้อและกลับมาขาย ดัชนี ฯ 1,600 จุดอาจยืนไม่อยู่

FETCO มองเป้า SET ปี 65 แตะ 1,800 จุด

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้อยู่ที่ 1,650 จุด บวก-ลบ โดยอัพไซด์จากตรงนี้ถึงปลายปีมีไม่มาก ขณะที่ดาวน์ไซด์ก็ไม่มากเช่นกัน

" ตอนนี้นักลงทุนมองไปถึงปี 65 แล้ว ซึ่ง FETCO คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไปแตะ 1,800 จุด ภายใต้คาดการณ์จีดีพีไทยปี 65 ขยายตัว 4% นักท่องเที่ยวต้องกลับกลับพอควร และกำลังซื้อในประเทศกลับมา ทั้งนี้ รัฐบาลต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาด้วย ส่วนปีนี้ถ้าจีดีพีกลับมาระดับ 1% ก็ดีมากแล้ว ก็หวังว่าไตรมาส 4 รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษกิฐออกมาเพิ่มเติม" นายไพบูลย์กล่าว

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) จากผลสำรวจในเดือนสิงหาคม 64 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 144.37 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 124.3% จากเกณฑ์ซบเซาเดือนก่อน มาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” นักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 เป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและเงินทุนไหลเข้า สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกปัจจุบัน รองลงมาคือสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ และความขัดแย้งระหว่างประเทศ

บล. โกลเบล็กให้กรอบดัชนี 1,600-1,650 จุด

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยคาดว่ายังคงมีแนวโน้มปรับตัว Sideway Up จากปัจจัยบวกการประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้นั่งกินในร้าน ห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์เปิดถึง 2 ทุ่ม ของ ศบค. ซึ่งเริ่มในวันที่ 1 กันยายนนี้ ประกอบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งทาง สธ.ได้มีการรายงานว่าอัตราครองเตียงผู้ป่วยเหลือง-เขียวในกทม.-ปริมณฑลมีแนวโน้มลดลง

ทั้งนี้ยังได้ อานิสงส์จากปัจจัยต่างประเทศภายหลังที่นายพาวเวล ประธานเฟดกล่าวในการประชุมประจำปีว่าเฟดมีแนวโน้มเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้ แต่ยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบริษัทน้ำมันหลายแห่งหยุดผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกก่อนที่พายุเฮอริเคนจะพัดถล่มในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีจะอยู่ในกรอบ 1,600-1,650 จุด 

อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาสถานการณ์ต่างๆ ในรอบสัปดาห์นี้ อาทิ ทาง EIU เปิดเผยรายงานระบุว่า GDP ของโลกอาจเสียหายระดับล้านล้านดอลลาร์เพราะความล่าช้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยประเทศกำลังพัฒนาจะเสียหายหนักที่สุด เนื่องจากความไม่เท่าเทียมของการฉีด ขณะที่สหรัฐโจมตีกลุ่ม ISIS ในกรุงคาบูลระลอกสอง สังหารมือวางระเบิดสนามบินได้ 1 ราย และปัญหาทางการเมืองในประเทศซึ่งจะมีการชุมนุมอีกคร้ง 2 ก.ย. เรียกร้องส.ส.ร่วมมือขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ และอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลระหว่าง 31 ส.ค. – 3 ก.ย. ลงมติ 4 ก.ย.64 รวมทั้งทาง ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ด้านปัจจัยต่างประเทศ เช่น การรายงานตัวเลขดัชนี PMI ของจีนและดัชนีความเชื่อมั่นของสหรัฐในเดือนส.ค.

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกาศของ ศบค. คลายล็อกดาวน์ ร้านอาหารเปิดได้ 50-75% ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ทุกแผนกแต่มีเงื่อนไขการเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า เช่น CPN, CRC และ MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร เช่น AU, M และ ZEN

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ  นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่าผลการประชุมที่ Jackson Hole มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ แต่เตรียมลดวงเงิน QE ภายในปีนี้เป็นปัจจัยกดดันต่อทองคำในระยะกลาง ดังนั้นจึงแนะนำให้เล่นฝั่ง Short เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น โดยมองกรอบในสัปดาห์นี้ที่ 1,780-,1,850 $/Oz

ASP คาด SET ก.ย.ให้กรอบ 1,560-1,650 จุด

บล.เอเซียพลัส (ASP) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ย.64 ว่า ดัชนีตลาดหุ้น (SET Index) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,560 – 1,650 จุด มีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ส.ค.ที่ดีดตัวขึ้นมาสวนทางกับที่คาดารณ์ไว้ โดย (2-28 ส.ค.) ปรับเพิ่มกว่า 89 จุด (+5.9%) เป็นผลจากแรงซื้อในช่วงปลายเดือนตอบรับปัจจัยเชิงบวก การจัดหาวัคซีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับในช่วงที่เหลือของปี 64 และบูสเตอร์โดสปี 65 อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดลดลง และ เก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการคลายมาตรการล็อกดาวน์เริ่ม 1 ก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการจำนวนผู้ติดเชื้อคาดว่าทำจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงกลางเดือน ส.ค. ทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 64 จะไม่เกิดภาวะหดตัวต่อเนื่องจากปี 63

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกจากเดือน ส.ค.มองเป็น Sentiment บวกที่ต่อเนื่องถึงเดือน ก.ย.ประกอบกับ การส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้น โดยเฟดจะปรับลดวงเงินโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปี 64 แต่ยังไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงลดแรงกดดันต่อตลาดหุ้น ขณะที่ต้นเดือน ก.ย. ต้องติดตามการคัดสรรประธานเฟดที่จะหมดวาระในเดือน ก.พ.65 หากมีการเปลี่ยนแปลงจะสร้างความไม่แน่นอนให้กับภาพรวมการลงทุน

กลยุทธ์การลงทุน ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเป็น 60% เลือก (1) Oil Play เลือก PTTEP , PTT, TOP, IRPC และ PTTGC (2) Re-opening Play เลือก PTG, CRC และ PLANB และ (3) ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า เลือก GPSC , WHAUP และ TVO ขณะที่เลือกหุ้นเด่นในเดือน ก.ย.564 ได้แก่ PTG, HMPRO, PACO และ KBANK

บล.บัวหลวงให้กรอบดัชนีปีนี้ 1,605 จุด

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง (BLS) มองว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกล่าสุด เห็นได้จากค่าเฉลี่ย PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมในกลุ่มประเทศอาเซียนลดลง เป็นผลมาจากจำนวนผู้ฉีดวัคซีนในอาเซียนยังค่อนข้างต่ำ โดยประเทศไทยมีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสเพียง 10% ของประชากรทั้งหมด เศรษฐกิจจึงเกิดการชะลอตัว และกำลังซื้อของผู้บริโภคหายไป ทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการฟื้นตัว

ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลังยังคงเห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกไม่เท่ากัน โดย กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่จะฟื้นตัวและเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วกว่า ซึ่งจะจะค่อยๆ ปรับนโยบายการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งพิจารณาลดมาตรการช่วยเหลือและนโยบายการเงินต่าง ๆ ให้กลับไปอยู่ในระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะที่ทางกลุ่มประเทศอาเซียนยังคงฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก ดังนั้น มาตรการช่วยเหลือและนโยบายการเงินจึงยังต้องอยู่ในระดับเดิม เช่น การควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่เท่ากันจะทำให้ประเทศกลุ่มอาเซียนมีความเสี่ยงเผชิญภาวะ Stagflation กล่าวคือเศรษฐกิจโตน้อยแต่อัตราเงินเฟ้อสูง

สำหรับในประเทศได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) ลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานอื่น ๆ ตั้งแต่การระบาดระลอกพื้นที่มหาชัย จนปัจจุบัน GDP ถูกปรับลงมาเหลือเพียง 0.8% เนื่องจากการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้าและไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาช่วงครึ่งปีหลังไม่เป็นไปตามที่เคยตั้งเป้าไว้ 1 ล้านคน และปี 65 นักท่องเที่ยวคงยังไม่กลับไปเท่ากับช่วงก่อนโควิดคือประมาณปีละ 40 ล้านคน

ขณะนี้ทุกภาคส่วนยังกังวลกับความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้คาดการณ์ตัวเลขต่าง ๆ ค่อนข้างยาก แต่แนวโน้ม GDP ของไทยในไตรมาส 3-4/64 มีแนวโน้มจะติดลบ ครึ่งปีหลังที่เหลือยังคงต้องอาศัยภาคการส่งออกและการลงทุนของภาครัฐประคองไว้และไปฟื้นตัวขึ้นในปี65 โดยประเมินว่านักท่องเที่ยวอาจมีเพียง 2 ล้านคนเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับมาตรการของรัฐที่บริหารจัดการโดยเฉพาะเรื่องวัคซีนให้ประชาชน

โดยให้เป้าหมายดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,605 จุดและปีหน้าที่ 1,784 จุด พร้อมแนะนำการปรับพอร์ตในช่วงปี 64-65 เพื่อรับมือการลงทุนฝ่าวิกฤตโควิด-19 นี้ โดยแนะนำหุ้น 2 กลุ่มกลุ่ม Global Growth : อิงกับการเติบโตของสินค้าในตลาดโลก เน้นสินค้ากลุ่มส่งออกเป็นหลัก ได้แก่ TU, KCE, HANA หรือ CBG และกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มธนาคาร การเงิน หรือกลุ่มที่เกี่ยวกับการเปิดเมือง ได้แก่ M, TISCO, KKP, AMATA, BH, CPN, OR , CRC

"ตอนนี้คิดว่าควรปรับพอร์ตอิงไปกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ โดยน้ำหนักหุ้นในพอร์ตสัก 70% น่าจะเป็นหุ้นกลุ่ม Global Growth และอีก 30% ที่เหลือ เป็นหุ้นกลุ่ม Domestic Play แต่ถ้าภาครัฐสามารถจัดการโควิด-19 ในประเทศได้ดีขึ้น มีการเดินหน้าฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง ก็ค่อยๆเพิ่มสัดส่วนพอร์ต Domestic Play ในอนาคต"นายชัยพรกล่าว

บล. โกลเบล็กให้กรอบ 1,600 - 1,680 จุด

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนกันยายนมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway Up โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ชะละตัวต่อเนื่อง และมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ของ ศบค. ซึ่งนายกฯ ยืนยันเดินหน้าเปิดประเทศใน 120 วัน แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 โดย แผนเปิดประเทศเฟส 2 ในอีก 5 จังหวัดเริ่ม 1 ต.ค.นี้ รวมทั้งจับตาการทำ Window Dressing ปลายงวดไตรมาสที่ 3/2564 จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีเดือนนี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,600-1,680 จุด

ทั้งนี้ ปัจจัยต่างประเทศที่ส่งผลบวกต่อดัชนี อาทิ ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลอดเดือนส.ค. ร่วงลง 7% จากกลุ่มโอเปกพลัสบรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทำให้ นักลงทุนกังวลว่าอุปสงค์การใช้น้ำมันจะชะลอตัว และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าเฟดจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแม้เริ่มลด QE ภายในสิ้นปี รวมทั้งคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า ประชาชนวัยผู้ใหญ่ในสหภาพยุโรป ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบสองโดสแล้ว 70% หรือราว 256 ล้านคน ส่วนดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.9 ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 58.6 หลังจากแตะระดับ 59.5 ในเดือนก.ค.และตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดทำให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และนักลงทุนเชื่อว่า FED จะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป ยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม  ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า “mu” ซึ่งทาง EU ได้ถอดสหรัฐออกจากรายชื่อประเทศที่ปลอดภัยด้านการเดินทาง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งการที่ ธปท.เปิดเผยว่าเศรษฐกิจในเดือนส.ค.ยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเดือนก.ค. จากกำลังซื้ออ่อนแอ ซึ่งคาดว่า ธปท.จะปรับประมาณการ GDP ปี 64 อีกครั้งในวันที่ 29 ก.ย.64 จากเดิมที่คาดว่า GDP ปี 64 จะขยายตัว 0.7% และกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 64 (ต.ค.63-ก.ค.64) ต่ำกว่าประมาณการ 10.2% และทาง ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า รวมทั้งทาง สศค. จะมีการรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง และต่างประเทศรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในหมวดต่างๆออกมา

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play เช่น หุ้นกลุ่มโรงแรม MINT, ERW, CENTEL, AWC และ SHR หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM และ BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN, CRC และ MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU, M และ ZEN และสุดท้ายหุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC และ MAKRO จากการแผนการทยอยเปิดเมืองในเดือนตุลาคมนี้

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินกรอบทองคำในเดือน ก.ย. 64 ไว้ที่ระดับ 1,770-1,870 $/Oz โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อทองคำปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน เนื่องจากเฟดเตรียมปรับลดวงเงิน QE ลงภายในปลายปีนี้ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง โดยในปี 2013 ที่มีการปรับลดวงเงิน QE ราคาทองคำจะปรับตัวลงและแตะจุดต่ำสุด ณ เดือนที่เฟดมีการปรับลดวงเงิน QE
 

9636


รำลึกถึงครั้งที่เดินทำงท่องเที่ยว สัมผัสรสชาติแห่งความอร่อยเลาะริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน [pr]จากแคว้นซิซิลีซึ่งอยู่ทางใต้ขึ้นไปจนถึงแคว้นที่อยู่เหนือสุดของประเทศอิตาลีอย่างแคว้นปีเยมอนเตที่มีชื่อเสียง เมนูเรื่องราวความอร่อยผสมผสานกับรสชาติอย่างลงตัวเหล่านี้พร้อมเสิร์ฟแล้วตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน ถึง 30 พฤศจิกายน 2564 ที่ห้องอาหารอลาตี้ (ALATi) ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ

พบกับเมนูไฮไลท์จากแคว้นยอดนิยมของประเทศอิตาลี แนะนำโดยเชฟคาร์โล วาเลนเซียโน หัวหน้าพ่อครัวฝ่ายบริหารของโรงแรม ที่ได้รวบรวมประสบการณ์การปรุงอาหาร ซึ่งเป็นมรดกอันล้ำค่าของอาหารอิตาเลียน รวมกับกำรเดินทำงอย่างเจาะลึกอันน่าตื่นเต้น มาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์เมนูชั้นเยี่ยม ทั้งเมนูคลาสสิกและเมนูร่วมสมัยเย้ายวนนักชิมที่หลงใหลรสชาติอันหลากหลายจากเหนือสุดสู่แดนใต้ของประเทศอิตาลี ตั้งแต่ปีเยมอนเต อุมเบรีย ตอสคานาหรือที่รู้จักกันดีในนามทัสกานี ลัตซีโย ลีกูเรีย เวเนโต ปุลยา เนเปิลส์และซิซิลี เรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของแรงบันดาลใจ เชฟต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของเขาที่ว่า “ชีวิตคืออาหาร และการฉลองทุกวันด้วยอาหารที่ดีคือความสุขของชีวิต”



เรื่องราวของอาหารอิตาเลียนมื้อพิเศษ เริ่มต้นด้วยการเลือกเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง พายมะเขือเทศและชีสบูราต้า (Torta di Pomodoro e Burrata) จากแคว้นปุลยา (Puglia) เนื้อเซียร์กึ่งสุกสไลซ์กับเห็ดท็อปด้วยซอสแอนโชวี่กระเทียม (Carpaccio di Roast Beef, Funghi e Bagna Cauda) จากแคว้นปีเยมอนเต (Piedmont) และขนมปังแฟลตเบรดคล้ายพิซซ่าท็อปด้วยพาร์มาแฮมที่ผ่านการบ่มมา 20 เดือน ชีสและผลฟิกหรือมะเดื่อสด (Prosciutto e Fichi) จากแคว้นลัตซีโย (Lazio)



เมนูพาสต้าโฮมเมดปรุงสดใหม่ที่ทุกคนชื่นชอบอย่ำง สปาเก็ตตี้ซอสดอกกะหล่ำและปลาทูน่า (Spaghetti con Vrocculi Arriminati e Tonno) จากแคว้นซิซิลี (Sicily) ราวีโอลีเนี้อและเฮเซลนัท (Agnolotti al Brasato, Nocciole, Uva al Vincotto) จากแคว้นปีเยมอนเต (Piedmont) หรือเมนูที่ไม่ควรพลาดอย่าง พาสต้าเห็ดแบล็คทรัฟเฟิลฤดูร้อนสีดำและเปโกริโน่ชีส (Strangozzi al Tartufo) จากแคว้นอุมเบรีย (Umbria)



อาหารจานหลักเมนูแนะนำจากเชฟคาร์โล อาทิ ปลาฮามาจิและซอสมะกอก (Ricciola alla Ligure) จากแคว้นลีกูเรีย (Liguria) ปลาหมึกผัดผักสวิสชาร์ด (Calamari in Zimino) จากแคว้นทัสกานี (Tuscany) เป็นต้น



ปิดท้ายเรื่องราวที่น่าสนใจของประเทศอิตาลีโดยของหวานแสนอร่อย อาทิ ทีรามิสุที่มีชื่อเสียงจากแคว้นเวเนโต (Veneto) ขนมเค้กเนื้อนุ่มฟูสไตล์อิตาเลียนเสิร์ฟพร้อมวิปครีมรัมวานิลลาและสตรอเบอร์รีสด หรือพานาคอตต้าทาด้วยช็อกโกแลตความเข้มข้น 3 ระดับเสิร์ฟพร้อมบิสกิตพิสตาชิโอ จากแคว้นปีเยมอนเต (Piedmont) เป็นต้น



เมนูอะลาคาร์ท ‘สตอรี่ ออฟ อิตาลี’ (Stories of Italy) ราคาเริ่มต้น 290++ บาท และเมนู 3 คอร์ส ราคาพิเศษเพียง 999++ บาทต่อท่าน นอกจากนี้ยังมีเมนูไวน์ที่คัดสรรอย่างเป็นพิเศษสำหรับดื่มควบคู่กับอาหารเพื่อเพิ่มอรรถรส

ห้องอาหารอลาตี้ (ALATi) ตั้งอยู่บริเวณชั้น G บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวันสำหรับมือกลางวันและมื้อค่ำ เวลา 12:00 ถึง 20:00 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 19:00 น.)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งติดต่อ ห้องอาหารอลาตี้ (ALATi) โทร 02 162 9000 หรือ อีเมล alati.siambangkok@kempinski.com ข้อมูลเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ www.kempinski.com/en/bangkok/siam-hotel/restaurants-and-bars/alati/ [pr]

9637


“กรุงไทย” เผยทุนสำรองฯ ปรับขึ้น 7.7 พันล้านดอลลาร์ พบสัญญาณธปท.เข้าลดเงินบาทกลับแข็งค่าในสัปดาห์ก่อน จับตาใช้เงินแจก IMF 4.4 พันล้านดอลลาร์ รับมือการแพร่ระบาดฟื้นเศรษฐกิจ แม้หนุนบาททยอยแข็งค่าในปีหน้าหลุด32 บาทต่อดอลลาร์ แต่ไม่กระทบปัจจัยพื้นฐานที่กำลังสดใสขึ้น

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้  ยอดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับตัวขึ้นกว่า 7.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจสะท้อนถึงความพยายามเข้ามาลดความผันผวนของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว 
 
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงองค์ประกอบของยอดดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น จะพบว่า ยอดเงินที่อาจใช้เพื่อการลดความผันผวนของค่าเงินนั้น จะอยู่ที่ราว 3.3 พันล้านดอลลาร์    ในขณะที่ ยอดส่วนใหญ่อีกกว่า 4.4 พันล้านดอลลาร์นั้น มาจากการเพิ่มขึ้นของ ยอดสิทธิพิเศษถอนเงิน (Special Drawing Lottovip [pr] Rights : SDRs ) ซึ่งมาจากการที่ IMF ได้แจกจ่ายเงินช่วยเหลือบรรดาประเทศสมาชิก ด้วยวงเงินกว่า 650 พันล้านดอลลาร์ ผ่านช่องทาง SDRs (ปัจจุบัน 1 SDRs มีมูลค่า ราว 1.42 ดอลลาร์) 


โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าว IMF หวังว่า บรรดาประเทศสมาชิกจะได้นำไปใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากปัญหาการระบาดโควิด-19 โดย เฉพาะในฝั่งประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาที่ขาดแคลนเงินทุนในการรับมือปัญหาการระบาด อีกทั้ง IMF ยังหวังว่า ประเทศที่ร่ำรวยจะนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือประเทศที่ขาดแคลนเช่นกัน

 

ในส่วนของประเทศไทย มีสัดส่วนการได้รับ SDRs ราว 0.67% ตามขนาดเศรษฐกิจ ทำให้ ในการแจกจ่ายเงินครั้งประวัติศาสตร์ของ IMF รอบนี้ ประเทศไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือราว 3.08 พันล้าน SDRs หรือ คิดเป็นประมาณ 4.4 พันล้านดอลลาร์

‘กรุงไทย’แย้มใช้ เงินแจก IMF ฝ่าโควิด หนุนบาทแข็งค่าแต่ไม่กระทบพื้นฐาน


นายพูน กล่าวว่า  เงินดังกล่าว ควรถูกนำมาใช้ในการรับมือปัญหาการระบาด โดยเฉพาะการเร่งฟื้นฟูระบบสาธารณสุข ด้วยการนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้อ ยาที่จำเป็น อาทิ Remdesivir หรือ Monoclonal antibody รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือเคสผู้ป่วยหนัก ด้วยการจัดหา เครื่องช่วยหายใจแบบ High Flow เป็นต้น


นอกจากนี้ เงินที่เหลือก็ควรนำมาจัดซื้อวัคซีนประสิทธิภาพสูง และ จัดซื้อชุดตรวจ ATK เพื่อแจกประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถรับรู้สถานการณ์การระบาดและวางแผนรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ดังนั้น มองว่า หากเงินดังกล่าวถูกนำมาใช้ในการช่วยรับมือการระบาด อาจจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ดี และไม่มีผลต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ  แต่หากมีการใช้เงินส่วนนี้  ทำให้แนวโน้มเงินบาทสามารถทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ในปี 2565  มองไว้ที่แข็งค่ามากกว่า 32.00 บาทต่อดอลลาร์ แต่ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน เพราะสถานการณ์การระบาดที่คลี่คลายลง รวมถึงภาพเศรษฐกิจที่เริ่มสดใสมากยิ่งขึ้น

9638


แอปเปิล (Apple) ส่งจดหมายชวนเข้าร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่คาดว่าจะเป็น iPhone 13 รวมถึง Apple Watch 7 ในวันที่ 14 กันยายนนี้ โดยการจัดงานยังอยู่ในลักษณะออนไลน์พร้อมกันทั่วโลกเช่นเดิม

โดยการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ จะจัดขึ้นในเวลา 10.00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือเวลา 00.00 น. ของวันที่ 15 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย

ทั้งนี้ คาดกันว่าแอปเปิลจะมีการเปิดตัว iPhone 13 ทั้งหมด 4 รุ่นเช่นเดิม รวมถึงการเปิดตัว Apple Watch Lottovip [pr] Series 7 ที่จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ครั้งใหญ่ ด้วยการปรับขนาดหน้าปัดเป็น 41 มม. และ 45 มม. จากเดิมที่เป็น 40 มม. และ 44 มม.

นอกจากนี้ ภายในงาน Apple ยังจะประกาศวันที่ผู้ใช้งาน iPhone iPad และ Apple Watch จะได้รับการอัปเดต iOS15 iPadOS15 และ watchOS 8 ด้วย ซึ่งตามปกติแล้วจะปล่อยให้โหลดใช้งานกันก่อนวางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะวางขายในช่วงปลายเดือนกันยายนทันที

9639


อองตวน กรีซมันน์ ระเบิดฟอร์มเก่ง เหมาคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ ฝรั่งเศส เปิดบ้านอัด ฟินแลนด์ 2-0 ยึดจ่าฝูงของกลุ่ม ดี อย่างเหนียวแน่น ในศึกฟุต.โลก 2022 [pr] รอบคัดเลือก โซนยุโรป

ศึกฟุต.โลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป วันที่ 7 กันยายน 2564 เกมในกลุ่ม ดี ฝรั่งเศส เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ฟินแลนด์

เกมนี้ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือใหญ่ฝรั่งเศส จัด อองโตนี มาร์กซิยาล ยืนหัวหอกคู่กับ คาริม เบนเซม่า โดยมี อองตวน กรีซมันน์ เป็นกองหน้าตัวต่ำ และใช้ พอล ป็อกบา, อาเดรียง ราบิโอต์ คุมแดนกลาง

ปรากฎว่า ฝรั่งเศส ทำได้ดีกว่าตลอดทั้ง 90 นาที ก่อนจะเอาชนะคู่แข่งไปแบบสบายๆ 2-0 จากการเหมาคนเดียวสองประตูของ อองตวน กรีซมันน์ นาทีที่ 25 และ 54

จากชัยชนะดังกล่าวส่งผลให้ ฝรั่งเศส รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม ดี มี 12 คะแนน จาก 6 นัด ขณะที่ ฟินแลนด์ มี 5 แต้ม จาก 4 นัด รั้งอันดับ 4 ของกลุ่ม

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทีมชาติฝรั่งเศส
อูโก ญอริส (GK), เคิร์ท ซูมา, ราฟาเอล วาราน, เพรสเนล คิมเพมเบ, เลโอ ดูบัวส์, พอล ป็อกบา, อาเดรียง ราบิโอต์, ธีโอ เอร์นองเดซ, อองตวน กรีซมันน์, อองโตนี มาร์กซิยาล, คาริม เบนเซมา

9640


เกาะติดพฤติกรรมผู้บริโภคยุคโควิด "ความเครียด" ครอบงำ กระทบการตัดสินใจซื้อสินค้า นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัลฯ แนะนักการตลาด เอเยนซี พลิกสูตรสื่อสารตลาด ป้อนคอนเทนท์ "ย่อยง่าย" เจาะใจกลุ่มเป้าหมาย

แต่ละปีผู้ประกอบการ นักการตลาด คนทำงานต่างต้องเจอความท้าทาย โจทย์ยากแต่กต่างกันไป เพราะนอกจากปัจจัยภายใน(จุดอ่อน)ที่ต้องแก้ ยังมีปัจจัยภายนอก(อุปสรรค)ที่เหนือการควบคุมมาเป็นบททดสอบ

เกือบ 2 ปีที่โลกและไทยประจันหน้ากับวิกฤติโควิด-19 ทำให้บรยากาศต่างๆ ไม่เอื้อต่อการค้าขาย หลายธุรกิจต้องเจอยอดขาย “ลดลง” บ้าง “ขาดทุน” ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่กำลังซื้อลดลง คนมีเงินรัดเข็มขัด ระมัดระวังการใช้จ่าย หากจะปั๊มยอดขายไม่เพียงแค่ “นักการตลาด” ต้องวางกลยุทธ์อันยอดเยี่ยม เอเยนซี่ นักโฆษณา ต้องเล่าเรื่อง สื่อสารการตลาดปูทางสร้างยอดขายด้วย

ในงาน“สัมมนาการสื่อสารการตลาดดิจิทัลโดยสมาคมโฆษณาดิจิทัล ประจำปี 2564” หรือ “DAAT DAY 2021 Winning Tomorrow Together” ศิวัตร เชาวรียวงษ์ นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ DAAT และประธานกรรมการบริหาร กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย ตอกย้ำการติดอาวุธให้นักการตลาด เอเยนซี นักโฆษณาปีนี้ ยังหนีไม่พ้นการใช้ “ข้อมูลขับเคลื่อนธุรกิจ” หรือ Data Driven Lottovip [pr] Marketing เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้แม่นยำ รวมถึงการเล่าเรื่องหรือ Storytelling ของแบรนด์ สินค้าและบริการให้โดนใจลูกค้า


ทั้งนี้ การจะตอบสนองลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ นักการตลาดต้องเข้าใจอินไซต์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้ชีวิตท่ามกลางโรคระบาดมาราธอนข้ามปี ส่งผลให้ผู้คนเกิด “ความเครียด” เป็นตัวแปรต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการอย่างมาก

ศิวัตร วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เครียดเป็น 2 มิติ ดังนี้ เมื่อผู้บริโภคเครียดการตัดสินใจซื้อจะใช้ “อารมณ์” เหนือเหตุผล หากนักการตลาดจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาสาระจึงมีความจำเป็นมากขึ้น เพื่อใช้สร้างเอ็นเกจเมนต์ เนื้อหาที่สื่อสารต้องเล่าเรื่องราวให้ “ย่อยง่าย” ดังนั้น นาทีนี้อย่าใช้เพียง “โปรโมชั่น” อย่างเดียวกระตุ้นการซื้อ

นอกจากนี้ ความเครียดทำให้ผู้บริโภค “จดจำ” สิ่งต่างๆ ได้น้อยลง สมองไม่ต้องการรับรู้เรื่องราวบางประการ ข้อความที่นักการตลาดจะสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายจึงต้องฟังเข้าใจง่าย ไม่ต้องใช้พื้นที่สมองจดจำมากนัก เมื่อผู้บริโภคไม่จำ ไม่เชื่อ หากต้องตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ จึงต้องหาข้อมูลมากขึ้น การทำคอนเทนท์เจาะลูกค้าจึงต้องมีความน่าเชื่อถือ ข้อมูลสอดคล้องกับสถานการณ์ด้วย

นายกส.โฆษณาดิจิทัล แนะพลิกสูตรตลาด ซื้อใจผู้บริโภคยุคโควิด


"สิ่งที่นักการตลาดอาจไม่สังเกตหรือระวังคือ ผู้บริโภคมีความเครียดมากขึ้น จะจำสิ่งต่างๆน้อยลง นักการตลาดต้องสร้างสรรค์ข้อความ สตอรี่เทลลิ่งของแบรนด์สินค้าผ่านมิติอารมณ์อย่างง่าย ฟังง่าย ไม่ต้องจำมาก เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค เวลาเครียดนอกเหนือจากไม่จดจำแล้ว สิ่งใหม่ที่วิ่งเข้าหากลุ่มเป้าหมายอาจไม่รับด้วย การสื่อสารตลาดจึงเป็นโจทย์ท้าทายมาก นอกจากให้ความสำคัญกับดาต้า ดริฟเวน ต้องไม่ลืมมองสภาวะจิตใจผู้บริโภคด้วย”

นอกจากนี้ ผลกระทบจากโรคโควิด-19 ยังทำให้แบรนด์สินค้าต้อง “ชะลอ” การใช้จ่ายระยะยาว โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้แบรนด์ โฟกัสการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายมากขึ้น ขณะที่ภาพรวมธุรกิจบางกลุ่มมีการเติบโตท่ามกลางวิกฤติ เช่น สินค้าเกี่ยวกับสุขอนามัย สินค้าเพื่อสุขภาพ บริการอาหารเดลิเวอรี และอีคอมเมิร์ซ ฯ จึงมีการใช้โฆษณาดิจิทัล กระตุ้นยอดขาย ส่งผลใหภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลปี 2564 คาดเติบโต 11% มูลค่ารวม 22,800 ล้านบาท

“เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และจำเป็นต้องเปลี่ยน ธุรกิจที่ไม่เคยทำอีคอมเมิร์ซ ต้องลุยปรับตัวอย่างรวดเร็ว ธุรกิจอาหารเกิดคู่แข่งใหม่จำนวนมาก ธุรกิจเดิมที่ปรับตัวไม่ได้ มีการพลิกโมเดลเพื่อสร้างการอยู่รอด ขณะที่เอเยนซี่ แวดวงโฆษณา สื่อปีนี้อาจโตทรงตัวหรือหดตัวลงมากกว่า ดังนั้น สื่อ นักการตลาด ลูกค้า เอเยนซี จึงต้องทำงานร่วมกันอย่างเข้าใจ บริหารซัพพลาย และดูแลโครงสร้างผลตอบแทนให้เหมาะสม เพื่อ win-win และผ่านวิกฤติไปด้วยกัน”

9641


นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่าในช่วงเสวนา EEC Future : เอกชนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นเศรษฐกิจไทย [pr] จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” โดยระบุว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แต่การลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ครึ่งปีแรก 1.2 แสนล้านบาท และเฉลี่ยจะมีปีละ 3 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีเอกชนหลายที่กำลังขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ความคืบหน้าของการพัฒนาอีอีซี ปัจจุบันเราผลักดันในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานไปแล้ว แผนขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินงาน 2 เรื่องหลัก คือ การชักจูงนักลงทุน จะให้น้ำหนักมากขึ้น และการสร้างวิถีชีวิตแบบใหม่ให้ประชาชน ยกระดับเมือง สร้างเมืองและสิ่งแวดล้อมของเมือง



อย่างไรก็ดี เป้าหมายการลงทุนเมื่อตอนทำแผนพัฒนาอีอีซี ประเมินว่าจะมีมูลค่าการลงทุน 1.7 ล้านล้านบาท โดยขณะนี้อนุมัติการลงทุนไปแล้ว 1.6 ล้านล้านบาท ดังนั้นมูลค่าการลงทุนคงถึงเป้าก่อนกำหนด แต่ขณะเดียวกัน อีอีซีเดิมมีเป้าหมายว่าจะกระตุ้นผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) โต 5% จาก 3% แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้จีดีพีไทยจะเติบโตเพียง 2% ดังนั้นอีอีซีต้องออกแรงอีกเยอะขึ้น เพื่อกระตุ้นจีดีพีตามเป้าหมาย

“เดิมเราประมาณการณ์ว่าในช่วงแต่ละปีหลังจากนี้ อีอีซีจะดึงเม็ดเงินลงทุนได้ 3-4 แสนล้านบาทต่อปี แต่เพื่อผลักดันจีดีพีให้โต 5% อีอีซีต้องทำให้ได้มากกว่าเป้าหมาย ดังนั้นอีอีซีในระยะข้างหน้าต้องเพิ่มการลงทุนมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท โดยแผนที่เราจะทำส่วนหนึ่งจะมาจากการสร้างเมือง เพื่อทำให้เม็ดเงินลงทุนที่ตอนนี้เรามีโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ได้มีการลงทุนจากบีโอไอ 8 แสนล้าน จะเพิ่มเข้ามาอีกปีละ 2 แสนล้าน”



นายคณิศ ยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าท่องเที่ยวยังไม่กลับมาจากผลกระทบของโควิด-19 แต่อีอีซีกำลังจะเติบโต ปีหน้าคาดว่าอีอีซีจะขยายตัวนำจีดีพีประเทศ โดยจะมาจากการกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนในส่วนของอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เกิดขึ้น เช่น ศูนย์การแพทย์ เทคโนโลยี 5G ที่ตอนนี้ใช้ได้ 100% ดังนั้นแกนนำอุตสาหกรรมป้าหมาย จะเพิ่มมูลค่าการลงทุนได้อีก รวมไปถึงการทำคลัสเตอร์เกษตร และการพัฒนาเมืองร่วมกับจังหวัด

ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หลังจากสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย ในปลายปีนี้ อีอีซีจะเริ่มทำโรดโชว์ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก รวมทั้งจะเปิดหน้าดินให้โครงการโครงสร้างพื้นฐานเริ่มงานก่อสร้าง โดยสัญญาว่าภายในปีนี้จะเริ่มเห็นการเปิดหน้าดินเป็นเรื่องราวทั้งรถไฟความเร็วสูง และสนามบินอู่ตะเภา

9642


วันนี้ (6 ก.ย.) บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง นายวิเศรษฐ์ สนธิชัย ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผลตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป และปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด อีกหนึ่งตำแหน่งด้วย

การประกาศแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงในครั้งนี้ถือเป็นการเสริมศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของไทยสมายล์ เพิ่มประสิทธิภาพด้านการขาย การตลาด และการพัฒนาธุรกิจ โดยส่งเสริมในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริการมาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อก้าวสู่การเป็นสมาร์ท แอร์ไลน์ (Smart Airline) [pr] และงานด้าน Digital Transformation เข้ามาประยุกต์ใช้กับทุกภาคส่วน ปรับทิศทางไทยสมายล์ให้เป็นสายการบิน Full Service ที่ดีที่สุดในทุกมิติ

อีกทั้งยังให้ความสำคัญในการบริหารงานด้านการเงินและการสรรหาพันธมิตรเครือข่ายที่สำคัญ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่บุคลากร สร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ในองค์กรไปสู่บริการที่เป็นเลิศ ใส่ใจความต้องการผู้โดยสารอย่างลึกซึ้ง สร้างความพึงพอใจสูงสุด อีกทั้งยังคงดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับนโยบาย ทิศทางการดำเนินงานร่วมกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งแก่สายการบินสัญชาติไทยในระดับสากล

ก่อนหน้านี้ นายวิเศรษฐ์ สนธิชัย ดำรงตำแหน่งระดับผู้บริหารดูแลการจัดการด้านงานขายกลุ่มอนุทวีป อินเดีย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จึงได้นำประสบการณ์ดังกล่าวมาปรับใช้ในไทยสมายล์ ในการพัฒนาธุรกิจเสริมความแกร่งด้านงานขายและการตลาด ซึ่งระหว่างที่ได้เข้าร่วมงานกับไทยสมายล์ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์นั้น แม้เป็นช่วงเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้สายการบินต้องหยุดบินเส้นทางต่างประเทศ นายวิเศรษฐ์เล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ โดยได้มีการศึกษาความต้องการการเดินทางของผู้โดยสารในประเทศ มีการเปิดเส้นทางบินใหม่ 4 เส้นทาง ได้แก่ น่าน นครพนม เลย นครศรีธรรมราช และเส้นทางข้ามภาค 2 เส้นทาง ได้แก่ เชียงใหม่-นครศรีธรรมราช และอุดรธานี-นครศรีธรรมราช พร้อมทั้งทำการศึกษาเส้นทางในอนาคตเพื่อเตรียมความพร้อมนโยบายการเปิดประเทศภายในไตรมาสที่ 4 นี้อีกด้วย
นอกจากนี้ นายวิเศรษฐ์ยังได้มองหารายได้โอกาสจากธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ โดยร่วมสนับสนุนและพร้อมผลักดันการรุกตลาดธุรกิจขนส่งทางอากาศของไทยสมายล์ หรือสมายล์ คาร์โก้ (Smile Cargo) ให้บริการครอบคลุม 10 จังหวัดหลักที่มีความสำคัญ โดยเน้นย้ำการใส่ใจด้านบริการ ความรวดเร็ว ปลอดภัย มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล ทำให้ไทยสมายล์เป็นสายการบินในประเทศที่ขนส่งสินค้าทางอากาศมากที่สุดในประเทศไทย

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็นผู้บริหารที่มาจากสายงานขายที่มุ่งเน้นในด้านธุรกิจการขาย แต่นายวิเศรษฐ์ก็ยังคงสานต่อโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ของไทยสมายล์ เช่น โครงการ Smile for Life ให้รอยยิ้มช่วยชีวิต ที่สนับสนุนบัตรโดยสารให้แก่บุคลากรทางการแพทย์เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในการผ่าตัดอวัยวะและการขนส่งอวัยวะเพื่อนำไปปลูกถ่ายให้แก่ผู้ที่รอคอย โครงการความร่วมมือกับศูนย์บริการโลหิต สภากาชาดไทย ในการขนส่งโลหิตเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วย และโครงการที่ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในการขนส่งสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ ซึ่งเป็นภารกิจที่สามารถช่วยเหลือคนไทยที่สายการบินสามารถทำได้ ควบคู่ไปกับการผลักดันโครงการสายการบินสีเขียวที่ไทยสมายล์ได้พัฒนาสินค้าและบริการมาตลอดระยะเวลา 5 ปี

ด้วยประสบการณ์ในแวดวงอุตสาหกรรมการบินกว่า 30 ปี และได้รับการยอมรับในฐานะผู้บริหารที่มีจุดแข็งในด้านการขาย และการตลาดในภูมิภาคที่หลากหลาย การเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ของคุณวิเศรษฐ์ นอกจากจะได้เข้ามาสานต่อนโยบายด้านการเชื่อมต่อบริการกับการบินไทยอย่างไร้รอยต่อแล้ว ยังพร้อมประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนในด้านต่างๆ รวมทั้งผลักดันงานด้าน Digital Transformation เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถแข่งขันในตลาดใหม่ๆ ต่อไปในอนาคต

9643
ซื้อทั้งที ซื้อของดีไปเลย ...
มีดโกนหนวด lพร้อมส่งl ที่โกนหนวด พร้อม 36 ชุดใบเปลี่ยน โกนหนวด ใบมีดโกนหนวด
มีดโกนขน โกนขน ด้ามโกนหนวด
สินค้ายอดนิยม ที่มีคะแนนเรทติ้งถึง 868 คะแนน
--------------------------------------------------------
ราคา 159 บาท
--------------------------------------------------------
สั่งซื้อได้เลยที่นี่ >>https://bit.ly/3zMBaJP [pr]
รายละเอียดสินค้า
หากคุณกำลังมองหา ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ No Brand
เป็นสินค้าขายดีในหมวด ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย จาก No Brand in TH
เราได้คัดสรรค์สินค้าดี มีคุณภาพ มาให้คุณได้เลือกซื้อ
พิเศษสุด วันนี้ จากราคาปกติ 399 บาท เหลือเพียง 159 บาท เท่านั้น (ลดถึง 60%)"
มีดโกนหนวด lพร้อมส่งl ที่โกนหนวด พร้อม 36 ชุดใบเปลี่ยน โกนหนวด ใบมีดโกนหนวด
มีดโกนขน โกนขน ด้ามโกนหนวด เป็นสินค้าใหม่ ได้ความนิยมในระดับ 868 คะแนน
----------------------------------------------
สินค้าคุณภาพ
สั่งซื้อง่าย ๆ เพียงแค่กดที่ลิงค์ด้านล่าง สั่งผ่านระบบ ไม่มีโจร ไม่ต้องโอนเงินก่อน
ภาพสินค้าเพิ่มเติม
https://th-live-05.slatic.net/.../45ea206c7709193a5e16830... [pr]
https://th-live-05.slatic.net/.../545402c8cf8d2a9657aa3a5... [pr]
https://th-live-05.slatic.net/.../c00187ca5f4affbd502d8c4... [pr]
https://th-live-05.slatic.net/.../a42f6db00c2ccb05b059be8... [pr]
--------------------------------------------
สั่งซื้อได้เลยที่นี่ >>https://bit.ly/3zMBaJP [pr]
--------------------------------------------
สินค้าใหม่
ถูกใจใช่เลย
สินค้าคุณภาพ
สินค้าพร้อมส่ง
รับประกันความพอใจ

หมายเหตุ :โปรดตรวจสอบราคา ณ ปัจจุบัน ก่อนสั่งซื้อทุกครั้ง

9644
เติมคอยส์ [pr] COINS [pr] เติมเงิน [pr]Kitty Live [pr], Mico [pr] เติมเพชร [pr]Kitty Live [pr], Mico [pr]

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ [pr] มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup [pr] เปิดบริการ เติมคอยส์ [pr]เติม COINS [pr] เติมเพชร [pr] เติมรูบี้ [pr] วิธีการเติมเงิน [pr] เติมคอยส์ MICO, KittyLive [pr] เติม COINS [pr] เติมเพชร [pr]ง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงิน [pr]แบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive [pr]  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive [pr]  เติมเงิน [pr]ผ่านบัตรเติมเงิน [pr] ทรูมันนี่ 


111Topup [pr] รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive [pr]




Add Line : @111Topup [pr]


วิธีการเติมเงิน Kitty Live [pr], Mico [pr] คอยส์ [pr] COINS [pr] เพชร [pr]


1.     แอดไลน์ @111Topup [pr] (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive [pr] 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup [pr]


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ K [pr]itty Live [pr], Mico [pr] ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) [pr] ใน แอฟ Kitty Live [pr], Mico [pr]


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive [pr]  เปิดบริการเติมเงิน [pr]ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ [pr] ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ [pr] เข้า สังกัด 111 [pr] ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย [pr]


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย [pr]  https://lin.ee/0apXPWf [pr]


 

9645


ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.-3 ก.ย.2564) บวก 29.89% หรือ 168 บาท จาก 562 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 730 บาทต่อหุ้น สอดคล้องกับช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (4 ส.ค.-3 ก.ย.) บวก 21.66% หรือ 130 บาท จาก 600 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 730 บาทต่อหุ้น ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (4 ม.ค.-3 ก.ย.) DELTA บวก 43.13% หรือ 220 บาท จาก 510 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 730 บาทต่อหุ้น

นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีมูลค่าการซื้อขายคึกคัก ยืนยันว่าไม่มีประเด็นหรือปัจจัยใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยคาดว่าการปรับขึ้นของราคาหุ้น ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากที่ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ดี และผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจต่อธุรกิจของบริษัท


นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าบริษัทไม่มีนโยบายเพิ่มสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Lottovip [pr] Float) ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแตกพาร์ หรือวิธีการให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น  การเพิ่มทุน ฯลฯ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่ม จากที่กระแสเงินสดของบริษัทยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงมั่นใจว่าบริษัทได้ทำตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดเอาไว้แล้ว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง จากการเข้าลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในอนาคต เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี 5G เมนเฟรม และโซลาร์เซลล์ ฯลฯ โดยในส่วนของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล บริษัทย้ำว่าเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์จำหน่ายไฟฟ้า (Power Supply) เท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นผู้ลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตนเอง


“ผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือจะยังเติบโตได้ตามแผนงาน โดยคงเป้าหมายรายได้ปี 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เพราะได้ปัจจัยหนุนจากธุรกิจใหม่ที่เข้าไปลงทุน ทั้งธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยี 5G และเครือข่าย เหล่านี้เมื่อเข้าไปแล้วช่วยส่งเสริมการเติบโตของบริษัทได้อย่างมาก และเชื่อว่าในอนาคตธุรกิจที่เรามีส่วนร่วมจะยังสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,655 ล้านบาท ลดลง 17.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,412.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% ขณะที่เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานอยู่ที่ 1,073.38 ล้านบาท ลดลง 58.9% และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 8,573 ล้านบาท ลดลง 38.2% จากการลงทุนเพิ่มและการจ่ายปันผล โดยมีสัดส่วนจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 5 มี.ค.2564 อยู่ที่ 22.35%

หน้า: 1 ... 641 642 [643] 644 645 ... 647