แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Chanapot

หน้า: 1 ... 199 200 [201]
3001


นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย [pr] (ตลท.) กล่าวในงานไทยแลนด์โฟกัส 2021 โดยระบุว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลาดทุนไทยได้พิสูจน์ความคงทนด้วยการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการระบาดหลายระลอก แม้ว่าจะมีการระบาดอย่างกว้างขวาง แต่ตลาดหลักทรัพย์ยังสามารถประสบความสำเร็จได้

ตลาดหุ้นไทยมีการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนมาก โดยในปี 63 ที่ผ่านมา มีมูลค่าของ IPO ทะลุ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการจัดอันดับใน 10 อันดับแรกของโลก ในขณะเดียวกัน ยังเป็น 5 อันดับแรกของเอเชียและเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีการนำเสนอขายหุ้น IPO อย่างคึกคัก โดยมูลค่าหุ้นที่นำออกมาเสนอขายพุ่งขึ้นจนถึงระดับ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีสภาพคล่องสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียน โดยมูลค่าการซื้อขายต่อวันพุ่งขึ้นมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากฐานของผู้ลงทุนที่มีความหลากหลาย และมีการจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นของบริษัทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยจำนวนมากเป็นผู้นำในการดำเนินนโยบายพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งได้รับรางวัลและคำชมเชยหลากหลาย บริษัทที่จดทะเบียนใน SET ได้รับเลือกให้เข้าไปเป็นปัจจัยหนึ่งในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) นับเป็นจำนวนสูงสุดในอาเซียน และเมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ในอาเซียนที่สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs)

นายภากร กล่าวอีกว่า เพื่อให้สามารถก้าวหน้าต่อไปได้อีก ตลท. จึงเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นไปสู่ 'next normal' หรือยุคหลังการระบาดของโควิด-19 โดยการรับเอาเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ เข้ามาใช้ รวมทั้งเปิดให้ผู้ลงทุนสามารถเชื่อมโยงได้กับตลาดทุนระดับโลกต่างๆ มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในด้านต่อไปนี้

1.แพลตฟอร์มข้อมูลการพัฒนาแบบยั่งยืน (ESG data platform) ตลท.ได้พัฒนาแพลตฟอร์มการเปิดเผยข้อมูลออนไลน์ ซึ่งมีการจัดสร้างรูปแบบข้อมูลทั้งหลายอยู่เพื่อแสดงและเปรียบเทียบข้อมูลด้านความยั่งยืนสำหรับนักลงทุนและผู้ใช้อื่นๆ อันเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่การเปิดเผยข้อของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

2.แพลตฟอร์ม Golbal Product หรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับตลาดทุนไทย เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงตลาดทุนโลก SET ได้พัฒนาการออกผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มการซื้อขายเพื่อเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในตลาดนอกประเทศโดยผ่านกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) และตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt หรือ DR) แพลตฟอร์มนี้จะทำให้ทั้งตัวกลางและลูกค้าสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศโดยผ่านตลาดภายในประเทศ

3.โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล SET จะเดินหน้าปรับปรุงด้วยการเพิ่มบริการใหม่ๆ โดยร่วมมือกับผู้เล่นรายสำคัญเพื่อสามารถให้บริการได้ดีกว่าเดิมโดยผ่านบริการออนไลน์ อย่างเช่น การประชุมผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-AGM) การออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นออนไลน์ (e-proxy voting) และการทำความรู้จักลูกค้าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ในกระบวนการนี้ SET จะนำเอาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในปี 65 ซึ่งจะทำให้บรรดาธุรกิจใหม่และนักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนทางเลือกหลากประเภท

'การดำเนินธุรกิจและการลงทุนแบบยั่งยืน การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล และการเชื่อมโยงในประเทศเข้ากับภูมิภาคและระดับโลก เป็น 3 ยุทธศาสตร์หลักที่ ตลท. ใช้เพื่อต่อยอดความสำเร็จของปัจจุบัน' นายภากร กล่าว

3002


นางสาวศศิธร ริ้วทอง ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การตลาดลำไย [pr] ปี 2564 ว่า จากสถานการณ์ลำไยทั่วประเทศในปีนี้ มีปริมาณเพิ่มขึ้นจำนวน 1.4 ล้านตัน หรือ 17 %จากปีก่อน โดยปีนี้ผลผลิตลำไยของจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 เป็นจำนวนกว่า 420,000 ตัน โดยเป็นผลผลิตในฤดู 260,900 ตัน ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเนื้อที่ให้ผลรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นเอื้ออำนวยต่อการออกดอกและติดผลมากกว่าปีกลาย ประกอบกับมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงกุมภาพันธ์ 2564 ทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในช่วงออกดอกและช่วงติดผลอ่อน ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตเพิ่มขึ้น

ด้านการส่งออกลำไย แบ่งเป็นการส่งออกทั้งสดและอบแห้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2564 พบว่า การส่งออกลำไยแบบสด มีการส่งออกไปยังประเทศจีน เวียดนาม ฮ่องกง อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แล้ว 198,079 ตัน และการส่งออกลำไยแบบอบแห้ง มีการส่งไปยังประเทศจีน เวียดนาม ฮ่องกง สิงค์โปร์ และเกาหลี ไปแล้ว 14,069 ตัน โดยขณะนี้ราคายังอยู่ในราคาที่ทรงตัว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทางประเทศจีนได้ตรวจพบการปนเปื้อนเพลี้ยแป้งในลำไยส่งออก จึงขอระงับการส่งออกลำไยจากล้งที่ตรวจพบปัญหาด้านคุณภาพ โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทำการเจรจากับประเทศจีน และอนุญาตให้ส่งออกได้แล้วทั่วประเทศ 50 ล้ง จังหวัดเชียงใหม่ 27 ล้ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 10 ล้ง ซึ่งจะต้องเพิ่มความเข้มงวด มาตรการคัดกรองคุณภาพของลำไยก่อนส่งออกไปจำหน่าย โดยจะมีการสุ่มตรวจทั้งในขั้นตอนการเก็บ การอบ และก่อนการส่งออก ไม่ให้มีเพลี้ยแป้งปะปน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศจีนกลับมาเช่นเดิม



สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร สำนักงานพาณิชย์ได้มีมาตรการรองรับผลผลิตลำไยในฤดู ทั้งโครงการสนับสนุนจุดรวบรวมและคัดคุณภาพลำไยเพื่อกระจายออกนอกแหล่งผลิตจังหวัดเชียงใหม่ โดยรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการในการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตไม่เกิน 3 บาท/กก. เริ่มดำเนินการรับซื้อตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2564 ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการผ่านการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการแล้ว 15 ราย, ด้านการเชื่อมโยงตลาด โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรม Online Business Matching สินค้าลำไยและลำไยแปรรูป และกิจกรรมเจรจาการค้าผ่านช่องทาง Online ระหว่างผู้นำเข้าอินโดนีเซียกับผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน

นอกจากนี้ได้จัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนบริโภคลำไย ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อรณรงค์การบริโภคลำไย และช่วยซื้อลำไยจากเกษตรกรโดยตรง ,การเชื่อมโยง กระจายผลผลิตลำไยไปยังจังหวัดปลายทาง โดยการสนับสนุนกล่องบรรจุผลไม้ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและลดภาระค่าใช้จ่ายบรรจุภัณฑ์, การป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยให้ขึ้นทะเบียนแรงงานรับจ้างเก็บลำไย ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ พร้อมทั้งเข้ารับการอบรมการเก็บลำไยให้ปลอดภัยจากโควิด และการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ชี้แจงสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อสร้างความมั่นใจต่อผลผลิตลำไยของเชียงใหม่

หน้า: 1 ... 199 200 [201]