แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Cindy700

หน้า: 1 ... 205 206 [207]
3091


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ [pr] กลับสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างเป็นทางการ

เว็บไซต์ของ แมนฯยู ประกาศข่าวนี้อย่างเป็นทางการ โดยค่าตัวเบื้องต้นอยู่ที่ 21.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 965 ล้านบาท) สำหรับจ่ายให้ ยูเวนตุส ขณะที่นักเตะ ตกลงสัญญาส่วนตัวกันเรียบร้อย และกำลังบินมาตรวจร่างกายที่อังกฤษในเวลาไม่นาน

แถลงการณ์ของสโมสร ระบุว่า 'แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าสโมสรได้มีการบรรลุข้อตกลงกับ ยูเวนตุส สำหรับการย้ายทีมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้'

นับเป็นการกลับมาอันยิ่งใหญ่ของ โรนัลโด้ วัย 36 ปี หลังเคยร่วมทัพ 'ผีแดง' เมื่อปี 2003-2009 และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ยิงไป 118 ประตู จาก 292 เกม ในสีเสื้อหมายเลข 7 คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ปี 2007-2008

ส่วนข่าวกับ แมนฯซิตี มีการยืนยันแล้วว่าเป็นการสร้างกระแสของสื่อมวลชนเพราะ 'เรือใบ' ไม่สนใจแต่เจ้าตัวตั้งแต่แรกแล้ว

3092


'ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่มีสารปนเปื้อน [pr] เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะผู้สูงอายุในชุมชน ดังนั้น อสม. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลประชาชน จึงถือเป็นด่านหน้า ในการสกัด ตรวจสอบ แจ้งข้อมูล เฝ้าระวังสินค้าดังกล่าวเพื่อไม่ให้คนในชุมชนตกเป็นเหยื่อ

อ.ประจักษศิลปาคม จ.อุดรธานี เป็นอำเภอเล็กๆ ห่างจากอุดรธานี 30 กม. มีประชากร 25,572 คน 41 หมู่บ้าน 5,597 หลังคาเรือน อสม. 515 คน คิดเป็น 1 : 11 หลังคาเรือน วัด 43 แห่ง โบสถ์คริสต์ 1 แห่ง  รพ.1 แห่ง สถานีอนามัย 1 แห่ง รพสต. 3 แห่ง 


ทั้งนี้ ในพื้นที่มีสถานประกอบการ ได้แก่ โรงงานผลิตน้ำดื่ม 6 แห่ง โรงงานปลาร้า 2 แห่ง คือ เทพธิดา และ นางฟ้า ที่ส่งขายต่างประเทศหลายประเทศ โรงงานน้ำจิ้มไก่ 1 แห่ง ร้านอาหาร 7 ร้าน ร้านขายของชำ 141 ร้าน ตลาดสด 2 แห่ง ตลาดนัด 9 แห่ง แผงลอยจำหน่ายอาหาร 54 ร้าน (ข้อมูล ณ 1 ส.ค. 64) 


มีการดำเนินงานของงานคุ้มครองผู้บริโภคและวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน มาต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยมีการจัดตั้ง ศูนย์แจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน และ พัฒนา อสม.นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ในการติดตาม เฝ้าระวัง สามารถใช้แบบทดสอบอย่างง่าย เพื่อทดสอบสารปนเปื้อนในยา อาหาร เครื่องสำอาง ที่น่าสงสัย รวมถึงแจ้งเตือนแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้ความรู้แก่ประชาชน

ADVERTISEMENT





ปัญหารถเร่ ยาโบราณ ฯลฯ 

“ศิริชัย สายอ่อน” สาธารณสุขอำเภอประจักษ์ศิลปาคม สำนักงานสาธารณสุขอำเภอประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี กล่าวในการประชุมวิชาการ วิทยาศาสตร์การแพทย์ครั้งที่ 29 “วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 64 จัดโดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยระบุว่า อ.ประจักษศิลปาคม จ.อุดรธานี ตอนนี้เข้าสู่สังคมสูงวัย มีผู้สูงอายุกว่า 14.8% ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะยาแผนโบราณ ปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่า 10 ปีก่อน คือ ผู้ประกอบการไม่ว่าจะขายตรง รถเร่ นำผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะยาแผนโบราณจะเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ผู้สูงวัยได้รับผลจากยาสเตรียรอยด์เป็นจำนวนมาก



พัฒนาศักยภาพ อสม. เฝ้าระวัง ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ที่ผ่านมา มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต อ.ประจักษ์ศิลปาคม ในการขับเคลื่อนงาน มีคณะอนุกรรมการฯ ในการดูแลรับผิดชอบและมีผู้ประกอบการร่วมด้วย โดยเป้าหมาย คือ การมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน เป็นหัวใจที่สำคัญในการขับเคลื่อนงาน ซึ่งมีศูนย์แจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน

เพื่อเฝ้าระวังค้นหาสารปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น อาหาร ยา และเครื่องสำอาง โดยการมีส่วนร่วมทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคีเครือข่าย การกำหนดมาตรการทางสังคม การสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ ให้ประชาชน มีความปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์ส่งต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี


สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

จุดเริ่มต้นในปี 2554
ในปี 2554 มีการพูดคุยกับศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ได้ทำอบรมหลักสูตร อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ในการพัฒนาศักยภาพ เริ่มที่ ตัวแทนอสม. ต.นาม่วง หมู่บ้านละ 2 คน โดยสอน อสม. ใช้ชุดทดสอบหาสารปนเปื้อนแบบง่าย


ปี 2555 ขยายเครือข่าย ต.อุ่มจาน และ ต.ห้วยสามพาด 27 หมู่บ้าน อสม. หมู่บ้านละ 1 คน  


ปี 2556 มีคณะกรรมการพัฒนาสุขภาพระดับอำเภอ (DHS) พร้อมกับโครงการ อำเภอต้นแบบงานคุ้มครองผู้บริโภค และวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน พัฒนาศักยภาพ อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน 41 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 คน รวม 84 คน




ตั้งศูนย์เตือนภัย ร้องเรียนผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ปี 2557 มีการจัดเวทีประชาคม สมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น พร้อมกำหนดมาตรการสังคมร่วม ได้แก่

ระบบส่งตัวอย่างจากศูนย์แจ้งเตือนภัยฯ ถึงศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี
จัดตั้งศูนย์แจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน
ไม่ให้มีรถเร่ , รถหนังฉายยา รถฉายซีดี หรือ กลุ่มธุรกิจขายตรงโดยเฉพาะยา ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต้องแจ้งขออนุญาตกำนัน/ ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจหาสารปนเปื้อนผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยอสม. วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนก่อน จึงจำหน่ายได้
หมู่บ้านไม่ต้อนรับ รถเร่ รถหนังฉายยา รถฉายซีดี หรือกลุ่มธุรกิจขายตรงยา และเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย
หากกลุ่มดังกล่าวฝ่าฝืนมีโทษทั้งปรับและจำคุก


ในปี 2558 มีการ คิกออฟ โครงการ หน้าต่างเตือนภัยสุขภาพและอสม.วิทยาศาสตร์ชุมชน พร้อมกันนี้ ในปีดังกล่าว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้อนุมัติ 2 ล้านบาท โครงการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคและวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนต้นแบบ ของสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และสถานีอนามัยพระราชทานนามทั้ง 90 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ระหว่าง ปี 2558 – 2560 มีการขยายผล ดังนี้

ชุมชนต้นแบบเพิ่มขึ้น 90 แห่ง  
ศูนย์แจ้งเตือนภัยฯ 173 แห่ง
คัดกรองผลิตภัณฑ์สุขภาพ 2,514 ตัวอย่าง พบสารอันตราย 263 ตัวอย่าง คิดเป็น 10.5% แบ่งเป็น ในอาหาร 82 ตัวอย่าง ในยา 75 ตัวอย่าง ในเครื่องสำอาง 106 ตัวอย่าง
และมีการแจ้งเตือนภัยทางหน้าต่างเตือนภัยสุขภาพ “กรมวิทย์ with you”
ปี 2562 ต.นาม่วง มีชมรนักวิทย์ชุมชน เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค 14 ชุมชน และได้รับการรับแจ้งสถานนะเป็นองค์กรของผู้บริโภค ตาม พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 จากนายทะเบียนกลาง สำนักนายกรัฐมนตรี 12 ชมรม

ปี 2564 ชมรมฯ ที่ผ่านการรับรองสมัครเป็นสมาชิกสภาพองค์กรของผู้บริโภค



หน้าที่ของศูนย์แจ้งภัยฯ
1. ตรวจสอบสารสเตียรอยด์ในยาแผนโบราณ และสารปนเปื้อนในเครื่องสำอาง

2. ประชาสัมพันธ์และเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพ

3. รับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน

4. ให้คำปรึกษาสิทธิของผู้บริโภค

5. แหล่งเรียนรู้งานคุ้มครองผู้บริโภคและวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน

6. ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

7. ติดตามเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบจากผลิตภัณฑ์สุขภาพ

           

“ทั้งนี้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ปี 2554 – 2564 การดำเนินงานเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน พบว่า สารปนเปื้อนในอาหาร และเครื่องสำอางลดลง แต่ยังพบมีการปนเปื้อนของสเตียรอยในยาน้ำสมุนไพร” ศิริชัย กล่าว 

'เยียวยาประกันสังคมมาตรา 40' เช็คโอนพร้อมเพย์-ทบทวนสิทธิ์ ยังไม่ได้เงินทำไง?
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังตายสูง! พบเสียชีวิต 292 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 17,984 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,535 ราย
เตรียมตัวให้พร้อม "ร้านนวด-เสริมสวย" คลายล็อก 1 ก.ย. นี้


บทบาท อสม. วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน
เป็นหูเป็นตา

เฝ้าระวังการกระทำที่เป็นความเสี่ยงชุมชน เช่น ขอตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อว่าไม่ปลอดภัย ตรวจสอบฉลากและแหล่งที่มี หากพบสิ่งผิดปกติ จะรีบรายงานเจ้าหน้าที่ รพสต.ทันที
เป็นปากเป็นเสียง

จัดตั้งศูนย์เตือนภัย เฝ้าระวังและรับข้อร้องเรียนผลิตภัณฑ์สุขภาพ  
เตือนภัยในชุมชนหากพบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย
บอกเรื่องดีดี มีประโยชน์ให้กับชุมชน
เป็นแขนเป็นขา

ใช้เครื่องมือหรือชุดทดสอบอย่างง่าย ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่น่าสงสัย และส่งตรวจยืนยันที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์

นอกจากนี้ การปฏิบัติงานในตลาด อสม. มีการลงพื้นที่ตรวจสารปนเปื้อนในอาหารของร้านค้าก่อนจำหน่าย และจะมีป้ายให้ผู้ประกอบการได้รับความมั่นใจ เกิดผลดีทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ในส่วนของชุดทดสอบ ผู้ประกอกบการยังให้ความร่วมมือในการจัดหามาให้ อสม. อีกด้วย

 

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
1. คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต (พชอ.)

2. สถานบริการสาธารณสุข เป็นพี่เลี้ยง อสม.วิทย์ฯ

3. ชมรม อสม.วิทย์ฯ มีความเข้มแข็ง

4. อปท.ให้ความร่วมมือและสนับสนุนงบประมาร

5. ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุน


ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา
ความมั่นคงของระบบงานคุ้มครองผู้บริโภค คือ กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยให้หน่วยงานราชการที่ตรวจพบสินค้าไม่ปลอดภัยต้องแจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบโดยเร็วที่สุด เช่น กรมวิทย์ with you ของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

และ Oryor smart application ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งเป็นระบบที่ให้ข้อมูลสินค้าที่ไม่ปลอดภัยทั้งคู่ ควรรวมเป็นระบบเดียวแบบ One stop Service และขยายให้ครอบคลุมสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

3093


สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน ประจำประเทศไทย ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และลาซาด้า [pr] เปิดตัวความร่วมมือส่งเสริมแบรนด์และสินค้าอิตาลีบนห้างสรรพสินค้าออนไลน์แห่งแรกในประเทศไทย ผ่านการลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อเปิดตัวพาวิลเลียนอิตาลีในชื่อ “Authentic Italy” แคมเปญดิจิทัลส่งเสริมสินค้า “Made In Italy” ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพชั้นเยี่ยม ความร่วมมือนี้มุ่งหวังให้นักช้อปออนไลน์สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพจากประเทศอิตาลีแท้ๆ ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว พร้อมยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งสุดพรีเมี่ยมกับสินค้านานาชนิดจากประเทศอิตาลี เตรียมพบกับแคมเปญ Authentic Italy ได้ตั้งแต่วันที่ 27 – 31 สิงหาคมนี้ บนแพลตฟอร์มลาซาด้าเท่านั้น

ฯพณฯ ลอเรนโซ กาลันตี เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย กล่าวว่า “สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปยังต่างประเทศ ทำให้คนไทยที่ชื่นชอบแบรนด์อิตาลีไม่สามารถเดินทางไปช้อปปิ้งที่อิตาลีได้เหมือนเคย แต่ “Authentic Italy” พาวิลเลียนอิตาลีเสมือนจริงแห่งใหม่บน LazMall จะทำให้นักช้อปไทยสามารถเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งสินค้าอิตาลีเสมือนอยู่อิตาลีจริงๆ เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบอาหารอิตาลี และชอบการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มอิตาลีแท้ๆ จากที่บ้าน เราจึงมีความยินดีที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และแบรนด์อิตาลีชั้นดีให้ลูกค้าชาวไทยอันเป็นที่รักของเราได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เรายังมุ่งหวังที่จะได้ใช้โอกาสนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์อิตาลีและขยายฐานลูกค้าใหม่ทั่วประเทศบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับพรีเมียมอีกด้วย ความร่วมมือกับลาซาด้าในครั้งนี้จะเป็นความร่วมมือระยะยาวตลอดทั้งปี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสินค้าอิตาลี ยิ่งไปกว่านี้ทุกสิ้นเดือน เราจะมีโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าของเราเช่นกัน”

นายจูเซปเป ลามัคเคีย ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ข้อตกลงร่วมกันระหว่างสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนและลาซาด้า ประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินงานของเรา โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ Made in Italy ของแท้ที่พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย จากความมุ่งหวังดังกล่าว เราจึงส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจให้ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีความล้ำสมัยผ่านการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบพาวิลเลียนอิตาลีบน LazMall ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับแบรนด์ชั้นนำบนลาซาด้าเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “Authentic Italy” บนพาวิลเลียนอิตาลีออนไลน์จะทำให้นักช้อปไทยสามารถเลือกซื้อสินค้าทั้งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและแบรนด์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพของอิตาลี นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยจะได้ค้นพบและเลือกซื้อสินค้าอิตาลีที่หลากหลาย ตั้งแต่สินค้าประเภทอาหาร ไปจนถึงสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายเพียงแค่ช้อปออนไลน์บน LazMall”

นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในประเทศไทยรุนแรงกว่าที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนต้องเก็บตัวอยู่บ้าน รวมทั้งร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต้องจำกัดการให้บริการเพื่อควบคุมอัตราการระบาดของโรค ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ ถือเป็นหน้าที่ของลาซาด้าในการเป็นแรงใจเคียงข้างชาวไทย ด้วยการส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าที่ต้องการได้อย่างสะดวกและปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าบนแพลตฟอร์มให้กับนักช้อปไทย

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายแรกที่ร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนในการเปิดตัวโครงการ ‘Authentic Italy’ โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้แบรนด์อิตาลีเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในขณะเดียวกันลูกค้าชาวไทยจะได้สัมผัสเสน่ห์ของผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมจากประเทศอิตาลีได้ด้วยตนเองจากที่บ้าน และก้าวข้ามความท้าทายจากการระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงข้อจำกัดในการเดินทางที่เผชิญตั้งแต่ปีที่แล้ว ผ่านประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดบนแพลตฟอร์มของเรา”

แคมเปญ “Authentic Italy” บน LazMall พร้อมมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งสุดพรีเมียมครอบคลุมสินค้าจากอิตาลีทุกความต้องการ ตั้งแต่วัตถุดิบปรุงอาหาร แฟชั่น และความงาม จากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษเอาใจนักช้อปตลอดปี การันตีสินค้าแท้ทุกชิ้น พร้อมส่งฟรีทั่วไทยถึงมือคุณ เลือกซื้อสินค้าง่ายๆ โดยพิมพ์คำว่า “Authentic Italy” ในแถบค้นหา (Search) บนแอปพลิเคชันลาซาด้า
URL
 1
 

3094


รัฐบาลญี่ปุ่นจะแจกชุดตรวจแอนติเจนสูงสุด 800,000 ชุดให้แก่โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม และมัธยมต้นตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนนี้ และเพิ่มมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันทางติดเชื้อที่โรงเรียน [pr]จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในหมู่เด็ก ๆ ก่อนเริ่มภาคเรียนใหม่

ชุดตรวจแอนติเจนจะใช้เวลาที่นักเรียนมีอาการป่วย เช่น มีไข้ แต่ไม่สามารถไปพบแพทย์ทันทีหรือรีบกลับบ้านได้ โดยใช้กับนักเรียนชั้นประถม 4 ขึ้นไป และครูอาจารย์, เจ้าหน้าที่ของโรงเรียน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะขอให้ทางการท้องถิ่นเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่สถานศึกษา โดยให้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่จัดการฉีดวัคซีน

เดิมที เด็กนักเรียนมีโอกาสติดเชื้อค่อนข้างน้อย เนื่องจากเดินทางแค่ไปโรงเรียนและกลับบ้านเท่านั้น แต่เนื่องจากขณะนี้มีการติดเชื้อในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ผู้ปกครองหลายคนที่ติดเชื้อก็ต้องรักษาตัวที่บ้าน จึงอาจทำให้ลูกติดเชื้อไปด้วย



นายโอมิ ชิเงรุ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของรัฐบาลญี่ปุ่น เสนอให้เลื่อนการการเปิดภาคการศึกษาใหม่ เพื่อลดการติดเชื้อไม่ให้แพร่กระจาย

กำหนดการเปิดภาคเรียนในญี่ปุ่นจะกำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาในแต่ละท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนกันยายน

นายโอมิกล่าวว่า การเปิดภาคเรียนใหม่ของโรงเรียนในช่วงนี้อาจมีความเสี่ยงทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอีก และจะเป็นภาระให้กับระบบการแพทย์ ทางการท้องถิ่นควรพิจารณาเลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไป

ทั้งนี้ญี่ปุ่นแทบจะไม่ใช้การเรียนแบบออนไลน์เต็มรูปแบบในระดับประถมและมัธยม นักเรียนที่ป่วยสามารถเรียนออนไลน์ได้ และในพื้นที่ที่มีการระบาดมาก เด็กนักเรียนก็ยังมาโรงรียนอยู่โดยสลับคาบเรียนกัน.
URL

3095
อื่นๆ / ทำไมข้าวอินทรีย์มีราคาแพง
« เมื่อ: 27 2021-08-27 2021 20:%i:1630070371 »
 
ทำไมข้าวออร์แกนิกราคาแพง
ทำไม ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ [pr]   (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ? ข้าวหอมมะลิปลอดสาร [pr] หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ ข้าวออแกนิคคือทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของ ข้าวหอมมะลิออแกนิค สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูปข้าวอินทรีย์สุรินทร์

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวออแกนิคสำหรับทารกส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product [pr]
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique [pr]
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/ [pr]
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ข้าวเกษตรอินทรีย์ส่งทั่วไทย
1.  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิorganic
3.  ขายข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5. ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก
6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ
7.  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค [pr]


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
 

 

 

 

 

 

 
 

3096
  ข้าวออแกนิกสำหรับแม่ตั้งท้อง
รูปภาพสำหรับข้าวอินทรีย์ [pr]  การทำนาข้าวอินทรีย์   การปลูกข้าวอินทรีย์  การผลิตข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ …..ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ข้าวหอมมะลิปลอดสาร)
        การรับประทาน “#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ  ข้าวปลอดสารเคมีสุรินทร์ [pr] ” ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  “#ข้าวกล้องออร์แกนิค”  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1.  ข้าวมะลินิลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.   ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   ข้าวหอมมะลิออร์แกนิค [pr], ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องหอมมะลิสุขภาพ, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวสุขภาพปะกาอำปึล, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.ข้าวปะกาอำปึลเพื่อสุขภาพ  , ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ปลูกข้าวผกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวหอมมะลิแดงorganic, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ “ข้าวกล้องออร์แกนิค”  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ “ข้าวกล้องออร์แกนิก”  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :  ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ [pr]
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ
2.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
3.   ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์   ข้าวผกาอำปึลอินทรีย์กรมการข้าว(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์อินทรีย์ จ.สุรินทร์ [pr]
5. ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง 6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิก [pr]
7. ข้าวไรซ์เบอรี่organic ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคคือ

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 
 

3097


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ [pr] ร่วงลง 53.39 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 35,352.11 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 10.14 จุดหรือ 0.23% ปิดที่ 4,486.05 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 22.96 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 15,018.90 จุด

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมดังกล่าว

การประชุมปีนี้จะเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นปีที่ 2 เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ในการประชุมแจ็กสัน โฮลปีนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวสุนทรพจน์ในประเด็น “แนวโน้มเศรษฐกิจ” โดยเขามีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย

นักลงทุนคาดหวังว่า นายพาวเวลจะเปิดเผยโร้ดแมพที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีหลังจากที่เฟดได้ส่งสัญญาณในรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ว่า กรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในปีนี้ จากปัจจุบันที่เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน


อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เฟดพร้อมที่จะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมประจำปีของเฟดในครั้งนี้

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

“เราคาดว่านายพาวเวลรับรู้เป็นอย่างดีทั้งในเรื่องการจ้างงานที่แข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และความเสี่ยงช่วงขาลงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เรายังคงคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณเตือนในเดือนก.ย. และจากนั้นในเดือนพ.ย.จึงจะประกาศการปรับลดวงเงินคิวอี” นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าว

ทางด้านนายทิม ดอย หัวหน้านักวิเคราะห์จากเอสจีเอช แมคโคร แอดไวเซอร์ส คาดการณ์เช่นกันว่า เฟดอาจจะประกาศปรับลดวงเงินคิวอี ในเดือนพ.ย. โดยกล่าวว่า “ข้อมูลที่ได้รับเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า โพลสำรวจส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าเดือนพ.ย.จะเป็นเดือนที่เฟดประกาศลดวงเงินคิวอีเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาอาจจะทำให้เฟดยังไม่ตัดสินใจประกาศเรื่องดังกล่าวในเดือนก.ย.

รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในปีนี้ แต่ในรายงานไม่ได้ระบุกำหนดเวลาที่ชัดเจน

นอกจากนี้ ผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่า เนื่องจากขณะนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะต่ออายุการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของนายพาวเวลออกไปอีก 1 ปีหรือไม่ จึงทำให้คาดว่านายพาวเวลจะไม่นำตำแหน่งของเขามาเสี่ยงกับเรื่องนี้ เนื่องจากหากเขาประกาศปรับลดวงเงินคิวอีอย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเกิดความตื่นตระหนก และทรุดตัวลงอย่างหนักได้ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2556 ในสมัยของนายเบน เบอร์นันเก้ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อตัวนายพาวเวลเอง

ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อปีที่แล้ว โดยได้ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งใหญ่ในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งเฟดจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.6% ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 6.5% หลังจากที่ขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 1

อย่างไรก็ดี ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.7%

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 353,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 349,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 350,000 ราย

ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 2.86 ล้านราย

3098


นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการโอนเงินช่วยเหลือผู้ประกันตน [pr]มาตรา 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ที่สมัครภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 และชำระเงินสมทบภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 และผู้ประกันตนมาตรา 40 ใน 16 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ และตาก ที่มีสถานะเป็นผู้ประกันตนโดยสมบูรณ์ (สมัครและชำระเงินสมทบ) ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564

จะเริ่มโอนเงินเยียวยาในวันที่ 24 – 25 สิงหาคม 2564 วันละ 2 ล้านคน และวันที่ 26 สิงหาคม 2564 โอนให้อีก จำนวน 496,381 คน รวม 3 วัน จำนวน 4,496,381 คน โดยผู้ประกันตนมาตรา 40 จะได้รับเงินโอนผ่านพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน คนละ 5,000 บาท ผลการโอนเงินเยียวยาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (24 สิงหาคม 2564) ซึ่งเป็นวันแรก โอนสำเร็จ 1,842,343 คน คิดเป็น 92.12 % ส่วนที่ยังโอนไม่สำเร็จส่วนใหญ่เกิดจากผู้ประกันตนมาตรา 40 ยังไม่ผูกพร้อมเพย์ เลขบัตรประชาชนสูงถึง 147,286 คน ทำให้ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือทันในการโอนเมื่อวานนี้ และในส่วนของผู้ประกันตนมาตรา 40 ใน 19 จังหวัดที่ขยายวันสมัครและชำระเงินถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เมื่อระบบประมวลผลข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งวันที่การโอนเงินให้ทราบต่อไป


ทางด้านเรืออากาศเอกหญิง ศุภพร อยู่วัฒนา รองโฆษกสำนักงานประกันสังคมได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เร่งประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ได้รับสิทธิในพื้นที่ 29 จังหวัด ที่จะได้รับเงินเยียวยา ในวันที 24-26 สิงหาคม 2564 และรวมถึงผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ตกหล่นจากรอบการโอน ที่ผ่านมา ให้ท่านเร่งตรวจสอบข้อมูลตนเอง หากเช็คแล้วว่าเงินยังไม่เข้าบัญชี ให้รีบไปติดต่อธนาคารด่วน ท่านที่ยังไม่ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน ให้รีบไปดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน หรือเปลี่ยนจากผูกพร้อมเพย์เบอร์โทรศัพท์เป็นพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนเพื่อรับเงินช่วยเหลือเยียวยา


ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้เปิดให้นายจ้างและผู้ประกันตนทุกมาตรา ทั้ง มาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ตรวจสอบข้อมูลได้ที่ https://www.sso.go.th/eform_news/ [pr]

3099


เดลต้า ชูธงผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อน ประกาศลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: "PPA") เป็นครั้งแรกกับบริษัท ทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (TCC Green Energy Corporation: "TCC") เพื่อจัดซื้อพลังงานสีเขียว [pr]ในทุกๆ ปี ขนาดประมาณ 19 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ("kWh") ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่มีส่วนสนับสนุนความมุ่งมั่นของโครงการ RE100 ในการใช้พลังงานทดแทนถึง 100% รวมถึงความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์จากการดำเนินงานทั่วโลกภายในปีพ.ศ. 2573

โดย ณ ปัจจุบัน TCC ถือเป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิตพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน และเป็นผู้จัดหาพลังงานสีเขียวจากพลังงานลมให้แก่เดลต้าถึง 7.2 เมกะวัตต์ ("MW") ด้วย PPA ดังกล่าวและสถานะการเป็นสมาชิกในโครงการ RE100 เพียงบริษัทเดียวในประเทศใต้หวันที่มี PV อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ล้ำสมัย รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนเวอร์เตอร์แปลงพลังงานลม นอกจากนี้ เดลต้ายังคงอุทิศตนเพื่อการพัฒนาพลังงานทดแทนทั่วโลกต่อไป

นายเจิ้ง ผิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเดลต้า กล่าวว่า "เราขอขอบคุณ บริษัท ทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น ที่ไม่เพียงแต่มอบพลังงานสีเขียวจำนวน 19 ล้าน kWh ให้กับเราในทุกๆ ปี แต่ยังรวมถึงการนำโซลูชันและการบริการของเดลต้ามาใช้ในพลังงานทดแทนเป็นจำนวนมาก โดยรวมแล้ว ข้อเสนอนี้คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 193,000 ตัน* ซึ่งเทียบเท่ากับการสร้างสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทเปอย่าง Daan Forest Park ถึง 502 แห่ง และสอดคล้องกับพันธกิจของเดลต้าคือ มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า"

“ต่อจากนี้ โมเดล PPA ดังกล่าวอาจถูกนำไปจำลองใช้ในสถานที่อื่นๆ ของเดลต้าทั่วโลกสำหรับเป้าหมายโครงการ RE100 ของเรา โดยเดลต้ามีความมุ่งมั่นมาตลอดที่จะมีส่วนร่วมและปกป้องสิ่งแวดล้อม หลังจากผ่านการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก (Science-based Targets: "SBT") ในปีพ.ศ. 2560 เดลต้ามีจุดมุ่งหมายที่จะลดความเข้มข้นของคาร์บอนลงถึง 56.6% ภายในปีพ.ศ. 2568 โดยได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องใน 3 ประการ ได้แก่ การอนุรักษ์พลังงานด้วยความสมัครใจ การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ภายในองค์กร และการซื้อพลังงานหมุนเวียน รวมถึงในปีพ.ศ. 2563 เดลต้าได้ลดความเข้มข้นของคาร์บอนลงแล้วกว่า 55% นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินการได้เหนือเป้าหมายประจำปีเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน และการใช้พลังงานทดแทนของการดำเนินงานทั่วโลกของเราอยู่ที่ประมาณ 45.7% ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ล้วนมีส่วนอย่างมากต่อเป้าหมายโครงการ RE100 ของเรา”

นายหวง ชุน-อี๊ ประธานบริษัท Taiwan Cogeneration Corporation (TCC) กล่าวว่า สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาพลังงานทดแทน TCC มุ่งมั่นที่จะพัฒนาพลังงานดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อน ซึ่งถือเป็นองค์กรกลุ่มไฟฟ้าแห่งแรกในไต้หวันที่มีบริการครบวงจรตั้งแต่การลงทุนและพัฒนาพลังงานทดแทน การทำสัญญาด้านวิศวกรรม การดำเนินงานและการบำรุงรักษา ไปจนถึงความสามารถในการขายพลังงานสีเขียว สำหรับภาระการถ่ายโอนจะมาจากกังหันลมบนบกที่สร้างโดย Xingbao Wind Farm Group ด้วยกำลังการผลิตจำนวน 3.6 MW ต่อหน่วย โดยในปัจจุบันเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเหล่านี้มีกำลังการผลิตมากที่สุดในไต้หวัน และเดลต้าจะได้รับพลังงานสีเขียวที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งสองบริษัทยึดมั่นการร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงอนาคต และทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทต่างๆ ที่กำลังแสวงหาการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเต็มที่ ดังนั้น บริษัทปรารถนาที่จะร่วมสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และทำงานเพื่อลดการปล่อยมลพิษต่อไป

เนื่องในโอกาสที่เดลต้าประกาศตัวเป็นสมาชิกกลุ่ม RE100 ผู้ริเริ่มด้านพลังงานหมุนเวียนระดับโลก เดลต้าให้คำมั่นสัญญาว่าภายในปีพ.ศ. 2573 บริษัทจะใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินการผลิตทั้งหมด พร้อมทั้งลดการปล่อยคาร์บอนอย่างสิ้นเชิง โดยเดลต้าเป็นบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีรายแรกในไต้หวันที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะบรรลุเป้าหมายของกลุ่ม RE100 ภายในปี 2573 เดลต้ามีศูนย์การผลิตอยู่ในทั้ง 5 ทวีป ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายของ RE100 ให้สำเร็จ เดลต้ามุ่งเน้นในเรื่องของการอนุรักษ์พลังงาน การผลิตและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการลงทุนในโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทน ควบคู่ไปกับการประเมินความพร้อมของตลาดพลังงานสีเขียวในพื้นที่ท้องถิ่นเพื่อทำสัญญา PPA หรือการซื้อใบอนุญาตพลังงานทดแทน (Renewable Energy Certificates: “RECs”)

โดยในปีพ.ศ. 2563 โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของเดลต้าสามารถผลิตพลังงานได้ประมาณ 25.3 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในขณะที่พลังงานไฟฟ้า 285 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ยังถูกซื้อผ่านทาง RECs ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตหลักๆ มีสัดส่วนประมาณ 55.1% ของการใช้พลังงานทั้งหมด โดยนับเป็นสัดส่วนประมาณ 45.7% ของการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตของการดำเนินงานทั้งหมดทั่วโลก ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อพลังงานสีเขียว เดลต้าจึงจัดตั้ง “ทีมเดลต้า กรีน เอนเนอร์ยี่” (Delta Green Energy Team) ในช่วงต้นปีพ.ศ. 2564 โดยทีมฯ มีหน้าที่ในการคัดเลือกโครงการผลิตไฟฟ้าที่ตอบสนองความยั่งยืนและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบและลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์จริงเพื่อนำข้อมูลไปพิจารณาการทำสัญญา PPA ระยะยาว

เพื่อตอบสนองต่อการบังคับใช้กฎระเบียบผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาพลังงานทดแทน ประกอบกับข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการสำหรับห่วงโซ่อุปทานในการใช้พลังงานสีเขียวสำหรับระบบการผลิตของลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ ความต้องการในการผลิตพลังงานหมุนเวียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตลาดพลังงานหมุนเวียนที่กำลังพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพลังงานสีเขียวในระยะสั้น เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายนี้ นอกเหนือจากการประเมินสัญญา PPA สำหรับพลังงานทดแทนอย่างกระตือรือร้นของเดลต้า บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชันการประยุกต์ใช้พลังงานทดแทนต่างๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าใช้พลังงานทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยกตัวอย่าง ระบบกักเก็บพลังงานที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีหลักของเดลต้าสามารถทำให้การใช้และผลิตพลังงานหมุนเวียนมีความสอดคล้องกันมากขึ้นผ่านการควบคุมอย่างชาญฉลาดในการคายประจุและการชาร์จแบตเตอรี่ โดยโซลูชันพลังงานทดแทนของเดลต้าได้รับการตอบรับอย่างแพร่หลายจากโรงไฟฟ้าสีเขียวทั่วโลก รวมถึง TCC ที่นำโซลูชันไปประยุกต์ใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านการนำ PV อินเวอเตอร์ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 เฟส (Three phase) ของเดลต้าไปใช้ในโรงไฟฟ้าหลายแห่ง รวมถึงสถานีที่ให้กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ที่ใหญ่ที่สุดของ TaiPower ในเมืองไถหนานทางใต้ของไต้หวัน นอกจากนี้ ทั้งสององค์กรยังได้วางแผนความร่วมมือในระยะยาวสำหรับการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

*อ้างอิงจากการประมาณการของสภาการเกษตร ซึ่งพื้นที่ป่า 1 เฮกตาร์อาจดูดซับการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 15 MTs ในแต่ละปี ดังนั้นสวนสาธารณะ Daan Forest Park หนึ่งแห่งที่มีขนาด 25.8 เฮกตาร์ จะมีการลดคาร์บอนต่อปีที่ 384.6 MTs

3100


นางกฤติยา ศรีสนิท ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมายังคงอยู่ในบริบทที่ท้าทาย จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ [pr] ยังคงรักษาการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อไว้ได้ที่ 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ด้วยการให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาสนับสนุนการขายของพันธมิตรผู้แทนจำหน่ายฯ โดยเฉพาะ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเช็กวงเงินประเมินสินเชื่อได้ด้วยตนเอง และอำนวยความสะดวกแก่ดีลเลอร์รถจักรยานยนต์ในช่วงเวลาที่แพลตฟอร์มออนไลน์กลายมาเป็นช่องทางสำคัญในการซื้อขายโดยในครึ่งปีแรก ยอดสินเชื่อใหม่ของ กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ ผ่าน กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท เติบโตสูงถึง 194% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

“นอกจากนี้ เรายังคงทำแคมเปญร่วมกับหลากหลายแบรนด์ผู้ผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบเงื่อนไขให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของแต่ละแบรนด์มากที่สุด โดยนำเสนอผ่านทั้งช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ผู้ผลิตและแพลตฟอร์มออนไลน์ของกรุงศรี ออโต้ ตลอดจนสาขาของดีลเลอร์ทั่วประเทศ ในขณะเดียวกัน กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ ยังได้เดินหน้าตอบสนองทุกความต้องการด้านการเงินของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรที่สุดในตลาด ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรถจักรยานยนต์และบิ๊ก ไบค์ ใหม่ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ และบิ๊ก ไบค์ มือสอง และสินเชื่อเพื่อคนมีรถ คาร์ ฟอร์ แคช มอเตอร์ไซค์”

นางกฤติยา กล่าวเสริมในครึ่งปีหลัง กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ มีแผนที่จะรักษาการเติบโตของธุรกิจด้วยการสนับสนุนพันธมิตรผู้แทนจำหน่าย และแบรนด์ผู้ผลิตในทุกมิติ พร้อมรักษาความสมดุลของพอร์ตสินเชื่อ และล่าสุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการเสริมสภาพคล่องของเจ้าของรถจักรยานยนต์ สินเชื่อเพื่อคนมีรถ คาร์ ฟอร์แคช มอเตอร์ไซค์ ได้ส่งแคมเปญใหม่สำหรับกับสายไบค์เกอร์ “บิ๊ก ไบค์ วงเงินเต็มร้อย” ชูฟีเจอร์ไฮไลต์ วงเงินสูงสุด 100% สำหรับบิ๊ก ไบค์ ทุกรุ่น ทุกซีซี* ครอบคลุมทั้งสินเชื่อแบบโอนเล่มทะเบียนและไม่โอนเล่มทะเบียน


กรุงศรี ออโต้ มองว่าตลาดรถจักรยานยนต์ใหม่ในครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถจักรยานยนต์ใหม่ของทั้งปีจะยังคงทรงตัวจากปีก่อนหน้า โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.53 ล้านคัน หรือเติบโต 1.1% และคาดว่าตลาดสินเชื่อรถจักรยานยนต์จะเติบโตในระดับเดียวกัน หรือมีมูลค่าสินเชื่อใหม่รวมอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท

 “แม้ตลาดจะยังคงเผชิญกับปัจจัยที่ท้าทาย เราเชื่อมั่นว่าด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งและความพร้อมในการอยู่เคียงข้างลูกค้าและพันธมิตรในทุกสถานการณ์ กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ จะสามารถรักษาการเติบโตและตำแหน่งผู้นำตลาดครบวงจรต่อไปได้ โดยตั้งเป้าว่ายอดสินเชื่อยอดสินเชื่อคงค้างรวมในปี 2564 จะมีมูลค่า 35,000 ล้านบาท หรือเติบโต 3% พร้อมมุ่งดำเนินธุรกิจตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดสินเชื่อในภาพรวม” 

3101


นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากปีก่อน โดยมียอดผู้ติดเชื้อรวมในประเทศเฉลี่ย 2 หมื่นคน/วัน ผนวกกับสถานการณ์ที่น่ากังวลในเรื่องของจำนวนเตียง อุปกรณ์การแพทย์ รถพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย ภาครัฐจึงพิจารณาให้กลุ่มผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงหรือเป็นผู้ป่วยที่จัดอยู่ในกลุ่มสีเขียวสามารถแยกกักตัวรักษาที่บ้านได้ (Home Isolation หรือ HI [pr]) ภายใต้การประสานการติดตามอาการจากแพทย์ LPP ในฐานะผู้บริหารนิติบุคคลอาคารชุดจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมด้วยการจัดตั้งโครงการ “Livable Community Isolation” พร้อมรองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ทวีจำนวนยิ่งขึ้น โดยให้ความดูแลและช่วยเหลือลูกบ้านในโครงการที่ LPP ดูแลกว่า 1.2 แสนครัวเรือน ใน 200 โครงการ ทั้งโครงการที่พัฒนาโดย บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) และโครงการภายนอก หรือ Non-LPN ให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปพร้อมกัน

การจัดเตรียมโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในรูปแบบการแยกกักตัวรักษาที่บ้านสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรงหรือเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวนี้ LPP ได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลความรู้และหลักปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยแบบ Home Isolation จาก พญ. นาฏ ฟองสมุทร ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ สภากาชาดไทย และกรรมการแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการจัดสัมมนาออนไลน์ให้กับคณะกรรมการทุกนิติฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคลากรของ LPP เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในแนวทางดำเนินการของ “Livable Community Isolation” และเพื่อให้บุคลากรในทุกชุมชนมีความพร้อมสูงสุด ในการเตรียมตัวรับมือกับการระบาดที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้นในอนาคต

พญ. นาฎ กล่าวว่า “เมื่อผู้ป่วยลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation ของภาครัฐแล้วจะมีแพทย์ให้การรักษาแบบ Telemedicine หรือผ่านอุปกรณ์การสื่อสาร โดยทีมแพทย์ผู้ดูแลจะมีการทำ VDO Call กับผู้ป่วยเพื่อติดตามอาการทุกวัน และจัดส่งอาหาร 3 มื้อ ยา และอุปกรณ์ต่างๆ ให้ผู้ป่วย ทั้งนี้ภายใต้งบประมาณของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งการคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้น เพราะรัฐเปิดให้ใช้ชุดตรวจได้ด้วยตนเอง (Antigen Test Kit) ถ้าตรวจพบว่าติดเชื้อและต้องการแยกกักตัว ณ ที่อยู่อาศัย ให้ผู้ติดเชื้อโทรแจ้งที่ 1330 หรือลงทะเบียนผ่าน QR CODE ทันที เพื่อเข้าระบบรักษาของ สปสช.”

สำหรับมาตรการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยที่ LPP จัดเตรียมให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยภายในโครงการ ในรูปแบบการแยกกักตัวภายในห้องพักอาศัยนั้น จะมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยสถานพยาบาลต่างๆ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าระบบการรักษาของรัฐตามโครงการ “Home Isolation” และจะติดตามดูแลรวมถึงให้การสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ จนกว่าผู้ป่วยจะได้รับความปลอดภัย อุ่นใจ และพบว่าผลตรวจเป็น Negative

นางสาวสมศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการดำเนินการ LPP ได้กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ของแต่ละนิติฯ คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากหรือไม่แสดงอาการ (ผู้ป่วยสีเขียว) ภายใต้หลักการสำคัญ คือ การอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำ Timeline ของผู้ป่วยย้อนหลัง 7-14 วัน เพื่อแจ้งเจ้าของร่วมหรือผู้พักอาศัยทุกท่านให้สังเกตอาการของตนเอง จัดส่งอาหาร ยา รวมทั้งสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงการจัดเตรียมแม่บ้านคอยจัดเก็บขยะเศษอาหาร ขยะติดเชื้อตามเวลาที่กำหนดทุกวันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหากผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือ รวมถึงการอำนวยความสะดวกหากผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์ หรือหากผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงของโรคจากผู้ป่วยสีเขียวเป็นสีเหลือง ฝ่ายจัดการจะประสานงานกับโรงพยาบาลเจ้าของไข้เพื่อให้เข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและผู้อยู่อาศัยทุกท่าน

“สำหรับโครงการ Livable Community Isolation นี้ บริษัทให้ความสำคัญและเน้นย้ำถึงมาตรการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยผ่านการดำเนินงานที่เข้มงวด ทั้งเรื่องความสะอาด ความปลอดภัยและปลอดเชื้อแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคน โดยทุกขั้นตอนของการดำเนินงานจะต้องปฏิบัติตามหลักมาตรฐานความปลอดภัยที่ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในการดูแลชุมชนโดยรวม ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยของชุมชน เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและไม่กังวลใจ ตามหลักชุมชนน่าอยู่ (Livable Community) “ร่วมใจ ห่วงใย แบ่งปัน” ของ LPP อีกด้วย” นางสาวสมศรี กล่าว

“วิกฤติครั้งนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องร่วมมือกันฟันฝ่าไปให้ได้ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยในแต่ละวันให้ได้มากที่สุด นอกจากโครงการ Livable Community Isolation ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับกรณีลูกบ้านผู้อยู่อาศัยที่มีอาการป่วยไม่รุนแรงและกักตัวเพื่อรักษาตนเองแบบ Home Isolation แล้ว เรายังให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันการติดเชื้อภายในโครงการ โดยผ่านการสื่อสารกับลูกบ้านและลูกค้าในทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อรับ-ส่งข่าวสารที่สำคัญและจำเป็น พร้อมรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของการตั้งการ์ดที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม”

หน้า: 1 ... 205 206 [207]