ในสมัยปัจจุบัน การทำงานโดยมากจะมีคอมพิวเตอร์เข้ามีบทบาทในการทำงานมากยิ่งขึ้น รวมทั้งควบคุมเครื่องจักรใหญ่ๆ ด้วยทุกคนต่างรู้และเข้าใจดีว่าในยุค 2018 งานส่วนใหญ่จะมีคอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานไม่มากก็น้อย และอุปกร์ที่ต้องใช้คู่กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ก็น่าจะหนีไม่พ้น จอสำหรับแสดงผลนั่นเอง ในช่วงปัจจุบันก็มีจอหลายรูปแบบ หลายขนาดให้เราคัดเลือกใช้ เรามาดูกันดีกว่า ว่าในสมัยปัจจุบันมีจอแบบไหน และมีคุณลักษณะอะไรให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อกันอย่างถูกต้องตามลักษณะการใช้งาน
จอคอม LCDหน้าจอ LCD (Liquid Crystal Display)เป็นหน้าจอที่ใช้การแสดงผลรูปแบบดิจิตอล และใช้วัตถุที่มีลักษณะเป็นของเหลวแทนการใช้หลอดภาพรูปแบบหน้าจอ CRT ในอดีต และใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ในการสร้างแสงสว่าง ภาพที่จะปรากฏบนหน้าจอ เกิดจากฉายแสงของ Back Light ที่ฉายผ่านชั้นกรองแสง และส่งผ่านไปยังคริสตัลที่เป็นของเหลว 3 ส่วนคือ สีแดง เขียว และน้ำเงินตามลำดับจนสามารถสร้างให้ภาพมีลักษณะออกมาเป็นพิกเซลได้ ภาพจาก LCD จะดูว่างและคมชัดอย่างยิ่ง
จอคอม LEDหน้าจอ LED (Light Emitting Diode)ใช้ระบบการฉายภาพด้วยหลอดไฟขนาดกระชับ ซึ่งได้มีการนำไฮเทคของหลอดไฟ LED ไปใช้กับการทำเป็นไฟท้ายรถของรถยนต์ชื่อดังอย่าง Honda อีกด้วย โดยต้นกำเนิดของการใช้การฉายภาพรูปแบบนี้ก็คือ หลอด LED จะทำหน้าที่เป็นตัวกำเนิดแสง และมีผลึกคริสตัลที่เป็นของแข็งกึ่งเหลว 3 สีคือสีแดง น้ำเงินและเขียว คอยบิดตัวกันเป็นองศาและเพื่อให้แสงไฟจากหลอด LED ส่องผ่านมาเพื่อทำให้ฉายออกไปเป็นภาพสีสันที่สวยงามบนหน้าจอได้นั่นเอง
ยิ่งไปว่านั้นนี้แล้วก็มีความละเอียดของจอ ที่เข้ามาเป็นฟีเจอร์พิเศษอีกอย่างที่ เพราะว่าคนที่กำลังมองหาจอพวกนี้อยู่ มาดูกันว่า 1080p, 2K, UHD และ 4K มีคำนิยามว่าเช่นไร
ความละเอียด หรือ Resolution หมายถึงจำนวนพิกเซลที่อยู่ในภาพบนหน้าจอ ภาพหนึ่งภาพที่ปรากฏบนหน้าจอ ประกอบด้วยจุดหลายจุดรวมกัน สมัยปัจจุบันนี้หน้าจอจะมีจำนวนจุดตั้งแต่ 1 ล้านจุด (เพราะว่าจอความละเอียด 720p) ไปจนถึง 8 ล้านจุด (เพราะว่าหน้าจอความละเอียด 4K Ultra HD) ซึ่งเราไม่อาจจะมองเห็นความแหวกแนวได้ด้วยตาเปล่า แต่ก็ทำไมได้หมายความว่าจอ 4K Ultra HD จะมีคุณภาพของภาพดีกว่า 1080p เสมอไป
จอคอม 4K หรือ Ultra HD4K หรือ Ultra High Definition คือกฏเกณฑ์ใหม่ของความละเอียดของ "จอภาพ" และ "คอนเทนต์" โดย K ย่อมาจาก Kilo ซึ่งเท่ากับ 1000 ต่อจากนั้น 4K ก็หมายถึง 4000 นั่นเอง เพื่อความละเอียดหน้าจอเพื่อทีวี 4K รูปแบบ Widescreen หมายถึงมีความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ผลรวมออกมาก็ได้ประมาณ 8.29 ล้านพิกเซล ทั้งนี้ความละเอียดในแนวนอนเท่ากับ 3840 เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกจึงมีการปัดเศษขึ้นให้เป็น 4000 จึงเป็นที่มาของคำว่า 4K ! ในทางกลับกันทีวี Full HD ซึ่งเป็นเกณฑ์ในตอนนี้มีความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งผลรวมออกมาได้โดยประมาณ 2.07 ล้านพิกเซล จะเห็นได้ว่าความละเอียดหน้าจอของทีวี 4K มากกว่าทีวีรูปแบบ Full HD ถึง 4 เท่า โดยเจ้าความละเอียด 4K นั้นกำลังจะเข้ามาเป็นหลักเกณฑ์ใหม่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งการถ่ายทำด้วย กล้องความละเอียด 4K และจอฉายรูปแบบ 4K และตลอดจนผลิตภัณฑ์ทีวีและโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์
จอคอม 2Kก่อนที่ 4K จะเป็นที่นิยมในสมัยนี้ เราแทบจะไม่เคยได้ดูหน้าจอความละเอียด 2K เลย ซึ่งส่วนมากจะเป็นความละเอียดสำหรัฉายภาพยนตร์ในโรงในสมัยก่อน ความละเอียดในแนวนอนอยู่ที่ 2,048 พิกเซล แต่ความละเอียดในแนวตั้งนั้นขึ้นกับอัยี่ห้อส่วนหน้าจอการฉายภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ เสมอเหมือนกับ 4K แต่ในปัจจุบันนี้ 4K เริ่มจะใช้กันอย่างแพร่หลายจอและทีวี ทำให้ 2K มีสภาพไม่ต่างจาก 1080p ที่เคยใช้กันอย่างแพร่หลายใน HDTV รวมไปถึง Bluray ด้วยเช่นกัน
1080p หรือ Full HD1080 พิกเซล คือความละเอียดในแนวตั้ง โดยมีอัยี่ห้อส่วนหน้าจออยู่ที่ 1.78:1 (16 x 9 หรือ widescreen นั่นเอง) และมีความละเอียดในแนวนอนเท่ากับ 1,920 พิกเซล (รวมเป็น 1,920 x 1,080 พิกเซล)
1080p นั้น ไม่ใช่ 1K แต่มันคือ 2K เสมอเหมือนกับที่ UHD TV คือ 4K แต่ผู้คนจำนวนมากไม่นิยมเรียกโทรทัศน์เหล่านี้ว่า 1080p 2K แต่มักจะเรียกว่า 1080p หรือ Full HD มากกว่า
720pมีสนนราคาความละเอียดเป็นครึ่งหนึ่งของ 1080p ซึ่งก็คือโทรทัศน์แบบธรรมดาทั่วไป ซึ่งสถานีโทรทัศน์โดยมากจะออกอากาศเป็น 720p แต่เราจะไม่เป็นคำว่า 720p บนหน้าจอรายการที่กำลังออกอากาศอยู่
หากคนไหนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงคุณสมบัติของแนวคิดทำงานของจอภาพหรือจอทีวี นี่ก็ไม่แน่อาจจะทำให้คุณเข้าใจและคัดเลือกซื้อ
จอคอมพิวเตอร์ [pr]หรือจอทีวีได้อย่างง่ายใจยิ่งขึ้นค่ะ
Tags : จอคอม,จอคอมพิวเตอร์
